กาพย์ฉบัง ๑๖
๐ เมื่อนั้นพระศรีอารย์ มีเทวโองการ
ถามแก่สมเด็จพระมาลัย ฯ
๐ เออสมณะนี้่มาแต่ไหน สมภารเลิศไตร
วิสุทธิสงฆ์ทรงศีล ฯ
๐ มาถึงเมืองสวรรค์ชั้นฟ้า ฝูงเทพถ้วนหน้า
มานั่งพร้อมล้อมไสว ฯ
๐ พระมาปรารถนาอันใด บอกให้แจ้งใจ
ข้าจะได้แต่งถวาย ฯ
๐ พระมาลัยได้ฟังภิปราย จึงเอื้อนขยาย
แก่เจ้าพิภพขานสนอง ฯ
๐ บพิตรพุทธพงศ์ผู้ครอง พุทธสมบัติปอง
ตรัสเป็นเจ้าเรากล่าวให้รู้ ฯ
๐ ข้าแต่บพิตรพงศ์สัพพัญญู เรามาแตชมภู
เพื่อหวังไหว้พระเจดีย์ ฯ
๐ ทั้งชมสมภารหน่อพระชินศรี จงทราบคดี
ในกิจที่มาสุราลัย ฯ
กาพย์ร่ายไม้ ๓๒
๐ ข้าแต่พระเถร ชาวชมภูทวีป
เขาเลี้ยงชนม์ชีพ ด้วยสิ่งอันใด
เขาย่อมประพฤติ กิจการสิ่งไร
เลี้ยงชีพชนม์ไป ด้วยการดังฤา ฯ
๐ พระเถรจึงขาน ว่าชาวชมภู
เขากินเขาอยู่ ตามกิจแห่งตน
ชาวชมภูทวีป เขาทำสารวล
ด้วยเลี้ยงชีพชนม์ ยากจนพ้นไป ฯ
๐ ชาวชมภูทวีป ลางคนเช็ญใจ
ลางคนสุกใส ลางคนมั่งมี
ลางคนรูปงาม ลางคนอัปรีย์
ลางคนอายุมากมี ลางคนพลันตาย ฯ
๐ คนผู้มั่งมี น้ันน้อยเดียวดาย
คนยากมากมาย มีทั่วโลกา
คนผู้เป็นสุข มีน้อยนักหนา
ผู้เป็นทุกขา ทุกแห่งแพร่งพราย ฯ
๐ คนผู้เป็นทุกข์ มากนักเหลือหลาย
คนชั่วหยาบคาย เต็มทั่วพสุธา
ผู้ใจกุศล น้อยนักน้อยหนา
ใจบาปหยาบช้า มีทั่้วทุกสถาน ฯ
๐ รูปโฉมงามดี มีพอประมาณ
รูปชั่วสาธารณ์ มีทั่วโลกา
จะเป็นมนุษย์นั้น น้อยนักน้อยหนา
ดิรัจฉานนั้นมา มีมากเหลือหลาย ฯ
๐ ผู้อายุยืน มีน้อยเดียวดาย
คนผุ้พลันตาย มากทั่วสากล
รูปบอกดั่งนี้ แก่หน่อทศพล
ให้รู้เหตุผล แห่งชาวบุรี ฯ
๐ องค์พระศรีอารย์ ได้ฟังคดี
พระมาลัยเจ้าชี้ บอกแจ้งแถลงถวาย
จึงถามต่อไป พระเจ้าอภิปราย
พระเจ้าเล่าถวาย ถึงชาวชมภู ฯ
๐ ข้าแต่พระเถร พระผู้เป็นครู
บัดนี้ชาวชมภู ทำบุญหรือไฉน
หรือว่าทำบาป มากมายหลือใจ
ทั้งสองนี้ไซร้ ใครมากกว่ากัน ฯ
๐ ดูก่อนบพิตร ฝูงคนทุกวัน
จะทำบุญนั้น น้อยนักน้อยหนา
ทำบาปมากมาย ไม่อายเลยนา
ขวนขวายไปมา ดีไว้แ่กตน ฯ
๐ อันชั่วจึงทำ เป็นการกุศล
ดีไว้แก่ตน ประดับอาตมา
ผู้ทำบุญน้ัน น้อยนักน้อยหนา
ใจบาปหยาบช้า มีมากเหลือเกิน ฯ เชิด ฯ
* เชิด เข้าใจว่าบอกเพลงบรรเลงเพลงปี่พาทย์เมื่อสวดจบตอน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น