วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2558

กาพย์พระมาลัย (๒)

กาพย์ยานี ๑๑ 
       
๐ ในกาลอันล้นลับ    
  ภิกษุหนึ่งได้พระพร

๐ อาศัยบ้านกัมโพช
อันเป็นบริเวณ

๐ พระเถรนั้นเธอมีฤทธิ
มีศีลครองสิกขา

๐ สิ้นกิเลสประเสริฐศักดิ์
รู้หลักศรัทธาพูล

๐ ปรากฎด้วยรู้หลัก
อุปมาเสมือนพระจันทร์

๐ เธอนั้นเสด็จลงไป
เพื่อจะให้เขาสั่งมา

๐ พระโมคคัลลาผู้สาวก
คร้ันแล้วโปรดชาวสวรรค์

๐ มาลัยเทพเถร
 รู้ธรรมอันฉลาดเฉลียว

๐  หญิงชายทั้งหลายใด
 ย่อมเบียดเบียนแลปิฑา

๐ ผู้นั้นคร้ันไป ล่ปลิด
ตกนรกไฟเผาตน

 ๐พระโมคคัลลาเสด็จลงไป
 ให้ไฟดับบ่มินาน

  ๐ พระมาลัยเทพเถร
 นิมิตฝนให้ดับไฟ

  ๐  ผู้ใดได้อุปถัมภ์
  ครั้นแล้วใช้เจ้าไทยนั้น

 ๐ เป็นกำลังแก่เจ้าไทย
ล่อลวงทรัพย์เขามา

  ๐ ให้ข้าวน้ำแก่เจ้าไทย
ทำกุฎิแลวิหาร

 ๐ ใช้ชีมิจฉาจิต
 ผู้นั้นครั้นตายไป

 ๐ หม้อเหล็กเคื่ยวตนอยู่
บาปตนอันใช้ชี

 ๐ เจ้าไทยทำกิจผิด
สิ้นชีวิตไปตกลง

 ๐ พระมาลัยเทพเถร
หม้อเหล็กแหลกเป็นธุลี

๐ พระมาลัยไปโปรดสัตว์
ให้นรกเย็ฺนสำราญ

๐ พระมาลัยเธอยังอยู่
 ครั้นเมื่อท่านเสด็จผันผาย

 ๐ ผลบาปกรรมอำนวยให้
หม้อเหล็กอันพลัดเป็นธุลี

๐ คุมเข้าเป็นดวงกลม
เพราะบาปใช้ชีบา

 ๐ ให้ทานให้เป็นบุญ
 ผู้นั้นจะตกไป

๐ ผู้ใดเลี้ยงเจ้าไทย
คร้ันแล้วเมื่อภายหลัง

๐ ว่ายอยู่ในหม้อเหล็ก
บาปใช้ชีให้ทำการ

๐ ร้อนแสบเจ็บปวดยาก
น้ำเข้าปากจมูกตน

 ๐  ผู้ใดตีพ่อแม่
 ตีด่าสงฆ์ท้ังหลาย

๐ ผู้นั้นครั้นตายไป
บาปตีแม่ตีเจ้าเณร

๐ กงจักรพัดหัวอยู่
เพราะบาปใจอาธรรม์

๐ กงจักรพัดหัวไว้
บาปตีแม่แลตีสงฆ์

๐ เลือดไหลลงย้อยหยด
เร่งร้องเร่งครางตาย

๐ ตีนมือสั้นระเริ้ม
ยืนตรงอยู่ทุกวัน

๐  พระมาลัยเทพเถร
หักกงจักรด้วยฤทธา

๐ คร้ันท่านเสด็จขึ้นมา
กงจักรพัดเป็นยนต์

๐ ผู้ใดแลสัปปลับ
ใจอาธรรม์มิดำรง

๐ได้สินจ้างเชิดชูไว้
บังคับความบ่มิเที่ยงธรรม

๐ เลือดไหลออกซับซาบ
เลือดไหลออกทุกเส้นขน

๐ เลือดนั้นเน่าเป็นหนอง
เพราะบังคับความมิเที่ยงธรรม์

๐ กงจักรพัดหัวไว้
บังคับความลำเอียงเอง

๐ มิแพ้ให้จำแพ้
กงจักรพัดในหัว

๐ กงจักรพัดหัวไว้
มีตนตีนมือสั่น

๐ เมื่อใดเถิงกำเนิด
บังคับความบ่มิเที่ยงตรง

๐ พระมาลัยเสด็จลงไป
กงจักรหักพลัดพราย

๐ พระมาลัยเสด็จขึ้นไป
เข้าครอบรอบเกษี

๐ ผู้ใดใครทั้งหลาย
มักมากด้วยตัณหา

๐ เมียท่านโฉมแช่มช้อย
ใจร้ายไปเบียนผลาญ

๐ ผู้น้ันครั้นไปล่ปลิด
ไปขึ้นงิ้วบัดเดี๋ยวดล

๐ หนามงิ้วคมยิ่งกรด
 มักเมียท่านมันว่าดี

๐ หญิงใดใจมักมาก
ทำยาแฝดแลเรียนมนต์

๐ พรางผัวบ่มิให้รู้
แต่งตนงามโสภา

๐ ต่อหน้าทำเป็นมิตร
แต่งแง่ให้ชายอื่นดู

๐  ทำรักแล้วทำโกรธกริ้ว
แสร้งร้องไห้แสร้งแกล้งทำ

๐ หญิงนั้นคร้ันวอดวาย
ขึ้นงิ้วยมบาลมา

๐ ผูกแขวนเอาหัวลง
ยมบาลเอาหอกแทง

๐ ต่อหน้าด่าตัดพ้อ
งอหมัดขึ้นเหนือหัว

๐ ทำเคียดอยู่งันงก
แปรปรวนผวนไปมา

๐ ยมบาลเอาหอกแทง
ทำยาแฝดแลเรียนมนต์

๐ เขาเอาหอกมาร้อยปาก
เอาหอกปักอกลง

๐ พระมาลัยเทพเถร
หักไม้งิ้วบัดเดี๋ยวใจ

๐ ครั้นท่านเสด็จขึ้นมา
ผู้ลักเล่นกามกล

๐ ผู้ใดเป็นผู้ใหญ่
ข่มเหงฝูงประชา

๐ วัดไร่นาให้ล้ำเหลือ
บ่เอาแต่ย่อมเยาว์

๐ ผู้นั้นครั้นตายไป
บาปข่มเหงฝูงประชา

๐ แผ่นดินเป็นแผ่นเหล็ก
ไหม้เข้าถึงตับไต

๐ สัตว์นั้นนอนดิ้นอยู่
บาปนายไร่แลนายนา

๐ บาปตนข่มเหงเขา
เอาทรัพย์เขาให้ล้ำเลอ

๐ สัตว์นั้นร้องเป็นบ้า
ภูเขาหนึ่งเป็นไฟฟูน

๐สัตว์นั้นกลัวเขาไฟ
ภูเขาหนึ่งบังเกิดมา

๐สัตว์นั้นทอดตาไป
ภูเขาหนึ่งจึงเกิดเป็น

๐สัตว์นั้นก็ลุกแล่น
ภูเขาไฟไหม้รุมรอน

๐ สัตว์นั้นตระหลบแล่น
ภูเขาไฟชำแรกดิน

๐ ภูเขาทั้งสี่ทิศ
แผ่นดินทั่วทิศา

๐ สัตว์น้ันร้อนผะผ่าว
บาปนายนาแลนายไร่

๐ ว่าตนเป็นผู้ใหญ่
เอาทรัพย์เขาให้ล้ำเลอ

๐ ทั้งนี้ท่านผู้ปราชญ์  
นำมาแต่คัมภีร์  

๐ บอกไว้ให้เป็นผล
สัตบุรุษท่านท้ังหลาย  

๐เมื่อนั้นพระมหาเถร  
ท่านเสด็จเหาะลงไป 

๐ คร้ันท่านเสด็จขึ้นมา
สัตว์น้ันดิ้นเสือกสน

๐ สัตว์หนึ่งใจหฤโหด
บ่มิได้จะจำเอา

๐ ยมบาลเอาน้ำแสบ
เทลงตระบัดใจ

๐น้ำแสบตกถึงคอ
ถึงอกอกเปื่อยพัง

๐บาปเมื่ออยู่เป็นคน
อกทะลุปรุออกมา

๐น้ำแสบตกถึงไส้
ตับพุงเปื่อยทะลาย

๐ เมื่อนั้นพระมาลัย
เข้าฌานแผ่ลงฤทธา

๐ สัตว์น้ันได้กินน้ำ
น้ำแสบกลับเป็นหวาน

๐ คร้ันท่านเสด็จขึ้นมา
น้ำเย็นอันหวานไซร้

๐ สัตว์นรกสั่งชื่อใด
จึงบอกแก่ญาติกา

๐ ให้เขาจำศีลสร้าง
ฟังธรรมอุทิศผล

๐ พระมาลัยผู้ปรากฎ
ดุจองค์พระโมคคัลาน์

๐ องค์พระโมคคัลาน
ยังแต่พระมาลัย

๐ พระมาลัยเธอมีคุณ
มีคุณแก่เทพา

๐ เปรตนรกสั่งฉันใด
บอกแก่ญาติทั่วทุกอัน

      กาพย์ร่ายไม้ ๓๒                          

๐ ยังมีเปรตหนึ่ง
เป็นเหยื่อแร้งกา
สุนัขใหญ่น้อย
แร้งกานกตะกรุม

๐ เนื้อนั้นหมดสิ้น
จิกสับเฉี่ยวเอา
แร้งกานกตะกรุม
จิกทิ้งกวัดแกว่ง

๐ มันเฉี่ยวเปรตนั้น
จิกยื้อไปมา
ฝูงเปรตหมู่นี้
ฆ่าสัตว์เลี้ยงตน

๐ ฆ่าเนื้อวัวควาย
ฆ่าสัตว์ให้อยู่
ฆ่าทรายแลเนื้อ
ฆ่าสัตว์ทั้งหลาย

๐บาปตนฆ่าเนื้อ
แร้งกาจิกกิน
บาปตนเชือดเนื้อ
แร้งกาเฉี่ยวเอา

๐บาปตนฆ่าเนื้อ
แร้งกาเฉี่ยวไป
เจ็บปวดเหลือทน
ร้องคราวคนเดียว

๐ บาปตนฆ่าสัตว์
นกตะกรุมแร้งกา
ยังมีเปรตหนึ่ง
เส้นขนท้ังตน

๐ ขนนั้นยอกเข้า
เป็นดาบเชือดลง
ทนเจ็บบ่มิได้
แร้งกาจิกพราง

๐ ร้องครางอืดอืด
ทนเวทนา
ฝูงเปรตหมู่นี้
ใจร้ายอกุศล

๐ ขนเป็นหอกดาบ
บาปฆ่าหมูขาย
จะตกนรก
ละเส้นละหน

๐ละทีละที
บาปตนราวี
ยังมีเปรตหนึ่ง
รูปนั้นพิกล

๐ ปืนนั้นยอกเข้า
ทั้งตัวย่อมปืน
เจ็ฺบแสบปวดนัก
แร้งกาจิกตน

๐ ปืนยอกปากหู
เลือดไหลออกมา
ฝูงเปรตหมู่นี้
ใจร้ายอกุศล

๐ บาปตนยิงนก
ขนเป็นปืนสิ้น
ยังมีเปรตหนึ่ง
ทั่วสารพางค์องค์

๐ขนเข็มยอกเข้า
ตลอดออกมา
ขนเข็มยอกปาก
ปลายเส้นเข็มขน

๐บาปมันล้อท่าน
ให้เขาเกาะกัน
ขนเข็มยอกเข้า
ทะลุออกมา

๐ ยอกเข้าในแข้ง
ปลายเส้นเข็มขน
แร้งกาปากเหล็ก
ช่วงชิงกันกิน

๐ ยอกเข้าในท้อง
ปลายเส้นเข็มขน
ฝูงเปรตหมู่นี้
ยุยงลวงล่อ

๐ ขนเข็มทองแดง
บาปมันยุยง
เข็มแทงทั้งตน
บาปใจอาธรรม์

๐ ยังมีเปรตหนึ่ง
มีอัณฑะใหญ่
เลี้อยลงจนดิน
เน่าเปื่อยลามปาม

๐ เพื่อจะเดินไป
ระเสิดระสัง
คร้ั่นเมื่อจะนั่ง
จึงค่อยกระโหย่ง

๐ คร้ันนั่งอยู่นาน
จึงค่อยกระโหย่ง
จึงแบกขึ้นบ่า
หนักนักโอ้เอ้

๐แร้งกานกตะกรุม
พาบินโดยแรง
ร้องครางอืดอืด
ทนเวทนา

๐ ฝูงเปรตหมู่นี้
เป็นนายไพร่พล
ย่อมบังคับความ
เป็นเจ้าบ้านเมือง

๐ ผู้ใดไร้ทรัพย์
บังคับความมิตรง
เห็นแก่สินไหม
แต่งปากแต่งเสียง

๐ ผู้ใดให้ทรัพย์
บรรดาจะเสีย
ผู้ใดเข็ญใจ
ผิดชอบกดไว้

๐ บ่มิถามตามโจทย์
บ่มิได้เปิดเผย
บ่มิถามตามระบอบ
คำเขาทั้งสอง

๐ ปฎิเสธภาคเสธ
บ่มิได้พิจารณา
บ่มิเป็นตราชั่ง
บ่มิได้คิดดู

๐ บังคับความบ่มิแท้
แบกโซเซไป
บาปบังคับความ
อัณฑะแห่งตน

๐ ปากเน่าลิ้นเน่า
บาปบังคับความ
เป็นปมเป็นเปา
เป็นเหนียงเป็นไต

๐ ยังมีเปรตหนึ่ง
ทั้งตัวย่อมฝี
เล็บตีนเล็บมือ
ฝีหนึ่งหัวกลาย

๐ หญิงนั้นจึงแกะ
ทุกวันปฎิทิน
เร่งแกะฝีกิน
เน่าเปื่อยมิรู้หาย

๐ แร้งกานกตะกรุม
พาบินขึ้นบน
สัปปากตะหมูก
นกตะกรุมแร้งกา

๐ ร้องครางอีดอืด
ตัวสั่นขวัญหาย
ตีนสั่นมือสั่น
เจ็บปวดทั้งตน

๐ หูเน่าปากเน่า
จมูกลูกตา
เปื่อยเน่าทั้งตน
ทั้งตนทรุดโทรม

๐บาปหญิงหมู่นี้
เขาอัญเชิญไป
มันลงผีเท็จ
กูพ่อแม่สู

๐ กูนี้เผ่าพันธ์ุ
กูจะให้สูหาย
สูเร่งบนหมู
วัวควายตัวใหญ่

๐ สูเร่งบนบาน
เทียนเงินเทียนทอง
เนื้อปลาเนื้อไก่                                              
กูจึงจะวาง
   
 ๐ แสร้งลงผีเท็จ
แสร้งล่อลวงคน  
เอาเงินผูกคอ
หมากพูลใส่พาน                                        

๐ ให้ฆ่าโคควาย
เสื้อผ้าข้าวของ
ลวงให้บนบาน
กล่าวคำมุสา

๐ บาปบาปมดเท็จ
เล็บตีนเน่าใน
บาปบาปมดเท็จ
ตาเน่ามืดมนธ์

๐ บาปบาปมดเท็จ
จมูกเป็นฝี
บาปบาปมดเท็จ
เลือดเน่าพุพอง

๐ บาปบาปมดเท็จ
ทั้งตัวย่อมฝี
บาปบาปมดเท็จ
กินเนื้อเน่าเอง

๐ บาปบาปมดเท็จ
กินเกล็ดฝีตน
บาปบาปมดเท็จ
เป็นเปรตยืนนาน

๐ บาปบาปมดเท็จ
เป็นเปรตอัปรีย์
บาปบาปมดเท็จ
เปื่อยเน่าทั้งตัว

๐ บาปบาปมดเท็จ
เป็นเปรตฉกรรจ์
บาปบาปมดเท็จ
ตัวสั่นระรัว

๐ บาปบาปมดเท็จ
เป็นเปรตตัวมัน
บาปบาปมดเท็จ
เป็นเปรตปวดตน

๐ บาปบาปมดเท็จ
เป็นเปรตซ่อนทรง
บาปบาปมดเท็จ
เป็นเปรตบ่เสบย

๐ ผู้ชื่อแม่มด
หัวเป็นหัวควาย
ผู้ชื่อแม่มด
ตัวเป็นตัวคน

๐ ผู้ชื่อแม่มด
ตัวเป็นตัววัว
ผู้ชื่อแม่มด
ตัวเป็นตัวทราย

๐ ผู้ชื่อแม่มด
ตัวเป็นตัวคน
ผู้ชื่อแม่มด
ตัวเป็นเป็ดมัน

๐ ผู้ชื่อแม่มด
ตัวเป็นตัวคน
ผู้ชื่อแม่มด
ตัวเป็นแร้งกา

๐ผู้ชื่อแม่มด
ตัวเป็นตัวคน
ผู้ชื่อแม่มด
ตัวเป็นแรตกวาง

๐ผู้ชื่อแม่มด
ตัวเป็นตัวคน
ผู้ชื่อแม่มด
ตัวเป็นสมัน

๐ผู้ชื่อแม่มด
ตัวเป็นตัวคน
ผู้ชื่อแม่มด
ตัวเป็นตัวเสือ

๐ผู้ชื่อแม่มด
เป็นเปรตพิกล
อสุรกายเหล่านี้
ฆ่ากันทุกวัน

๐อสูรกายเหล่านี้
เป็นนิจกาล
ผู้โจทนา
แต่เซ่นแก่ผี

๐จำเลยรู้แท้
ว่าผีนี้นา
ตายไปเป็นผี
บาปเมื่อเป็นคน

๐เป็นผีลำบาก
ชื่อว่าเป็นผี
แต่บาปบาปแล้ว
ฆ่าเป็ดฆ่าไก่

๐บรรดาบาปจะสิ้น
ผู้เซ่นภายหลัง
ทั้งว่าเซ่นเหล้า
เหมือนเพิ่มบาปไป

๐ผู้ชื่อแม่มด
ดุจได้อภิปราย
ท่านผู้นักปราชญ์
ตามคำศาสนา

๐ฟังแล้วจดไว้
ให้เร่งฟังเอา
ท่านผู้องอาจ
เอามาตบแต่ง


(โปรดติดตามตอนต่อไป)



พ้นไปแล้วแต่ครั้งก่อน
ชื่อมาลัยเทพเถร ฯ

ชนบทโลหะเจน
ในแว่นแคว้นเมืองลังกา ฯ

ประสิทธิ์ด้วยปัญญา
ฌานสมาบัติบริบูรณ์ ฯ

สันโดษนักใครจักปูน      
ใจละเอียดทรงพระธรรม์ ฯ

มีฤทธิ์นักถึงอรหันต์
อันปรากฎในเวหา ฯ

ในนรกด้วยกรุณา
 แล้วก็บอกแก่ญาติพลัน ฯ

 โปรดนรกเป็นนิรันดร์
 ด้วยพระธรรม์อันฉับเฉียว ฯ

 บ่แปลกกันดุจพิมพ์เดียว
 อานุภาพเหมือนกันมา  ฯ

ใจโลภล้นพ้นคณนา
ข่มเหงท่านให้ทรพล ฯ

สิ้นชีวิตจากเมืองคน
เจ็บปวดร้อนไข้สามานย์ ฯ

ให้ฝนตกเป็นท่อธาร
 สัตว์นรกก็เย็นใจ ฯ

ท่านจึงเสด็จเหาะลงไป
โปรดนรกดุจเดียวกัน ฯ

ให้ข้าวน้ำเจ้าไทยพลัน
ทำเรือกสวนแลไร่นา ฯ

 ให้เจ้าไทยไปรัมภา
 เอามากินเป็นอาหาร ฯ

ใช้เจ้าไทยไปทำการ
แล้วก็กลับใช้เจ้าไทย ฯ

ให้เสียกิจพระวินัย
ตกนรกโลหะกุมภี ฯ

ยืนได้ถึงแปดหมื่นปี
ให้กินแล้วแลใช้สงฆ์ ฯ

ตนไม่คิดเอาใจปลง
ในหม้อเหล็กแปดหมื่นปี  ฯ

ท่านจึงเสด็จไปทุบตี
สัตว์นรกก็ชื่นบาน ฯ

ดุจองค์พระโมคัลลาญาณ
พ้นจากยากเพียงปางตายฯ

หม้อเหล็กนั้นแตกย่อยหาย
จากนรกด้วยฤทธี ฯ

นรกนั้นไซร้กลับทุกข์มี
ที่แหลกนั้นประมวลมา ฯ

ต้มสัตว์ไว้ร้อนหนักหนา
ให้เสียกิจพระวินัย ฯ

อย่าได้ใช้สอยเจ้าไทย ฯ
ในหม้อเหล็กต้มเปื่อยพัง ฯ

ให้ข้าวน้ำเป็นกำลัง
ใช้เจ้าไทยให้ทำการ ฯ

อันเดือดร้อนพลุ่งขึ้นพล่าน
หม้อเหล็กเคี่ยวเปื่อยทั้งตน ฯ

ทนวิบากอะดักอะดล
ดิ้นระด่าวเพียงปางตาย ฯ

ปู่ย่าแก่แลตายาย
ตีภิกษุแลเจ้าเณร ฯ

ด้วยบาปกรรมเป็นนายเวร
ให้ล้มลุกเป็นฉกรรจ์ ฯ

สิ้นพุทธันดรกัปป์กัลป์
ตีพ่อแม่แลตีสงฆ์ ฯ

เลือดไหลซาบอาบตนลง
กงจักรพัดร้องครางตาย ฯ

กงจักรกรดพัดบ่วาย
กงจักรกรดเร่งพัดผัน ฯ

ตัวสั่นเทิ้มอยู่งงงัน
เหนื่อยลำบากยากหนัก ฯ

ท่านจึงเสด็จเหาะลงมา
สัตว์ผู้นั้นสร้างทุกข์ทน ฯ

กงจักรเข้าบัดเดี๋ยวดล
บาทตีแม่แลตีสงฆ์ ฯ

บังคับความบ่มิเที่ยงตรง
ทั้งสองข้างอันผูกกรรม ฯ

ที่มิได้ให้ตกต่ำ
กงจักรพัดอยู่ทุกข์ทน ฯ

อาบเลือดอยู่ทั่วทั้งตน
เพราะบาปตนมิเที่ยงธรรม์ ฯ

เนื้อพุพองทั้งตัวนั้น
กินเนื้อเน่าหนองตนเอง ฯ

ทนมิได้ร้องครางเครง
กงจักรกรดพัดในหัว ฯ

ขู่คำรามข่มให้กลัว
เพราะบังคับความมิเที่ยงธรรม์ฯ

สิ้นสุดพุทธันดรกัลป์
อยู่ระเริ้มยืนบ่มิตรง ฯ

พระเจ้าเกิดแต่ละองค์
คราทีน้ันจึงจะหาย ฯ

หักกงจักรกระจัดกระจาย
สัตว์ผู้น้ันก็ยินดี ฯ

กงจักรไซร้ก็พูลมี
สัตว์ผู้นั้นทนทุกขา ฯ

เป็นผู้ชายโฉมโสภา
ใจโลภล้นพ้นประมาณ ฯ

หน้าแน่งน้อยงามนงคราญ
ยุยงเอาด้วยเลห์กล ฯ

สิ้นชีวิตจากเมืองคน
บนไม้งิ้วกว่าพันปี ฯ

โดยโสฬสสิบหกองคุลี
หนามงิ้วงอกทั้่วทั้งตน ฯ

มักเล่นราคด้วยกามกล
ให้ผัวตนเมาตัณหา ฯ

ลักเล่นชู้เสพกามา
เพื่อจะให้ชายอื่นดู ฯ

ลับหลังคิดเป็นศัตรู
ลักเล่นชู้ซ่อนเงื่อนงำ ฯ

ชักหน้านิ่วให้ผัวยำ
ทำโกหกกลมารยา ฯ

หายชีวิตจากโลกา
รุมเอาหอกไล่ทิ่มแทง ฯ

เพราะหญิงนั้นมันใจแข็ง
บาปใจแข็งชู้เหนือผัว ฯ

บ่มิย่อท้อบ่มิกลัว
ยืนสูงชะเงิ้มพ้นเกษา ฯ

ทำโกหกกลมารยา
ให้ผัวลุอำนาจตน ฯ

บาปใจแข็งซ่อนแสนกล
เขาผูกแขวนเอาหัวลง ฯ

เพราะปากมากมิซื่อตรง
เพราะใจร้ายซ่อนหลายใจ ฯ

ท่านจึงเสด็จเหาะลงไป
สัตว์ผู้นั้นสร้างทุกข์ทน ฯ

ไม้งิ้วงอกบัดเดี๋ยวดล
ขึ้นงิ้วเล่าดุจหลังมา ฯ

เป็นนายไร่และนายนา
ผู้บุญน้อยให้อับเฉา ฯ

ขูดเลือดเนื้อข่มเหงเอา
ผิดระบอบพระบัญชา ฯ

พิราลัยจากโลกา
แผ่นดินนั้นกลับเป็นไฟ ฯ

ลุกวู่วามร้อนเหลือใจ
ไส้พุงขาดเรี่ยออกมา ฯ

ไฟไหม้วู่ร้อนหนักหนา
เอาทรัพย์เขาให้ล้ำเลอ ฯ

เมื่อเป็นเจ้านายอำเภอ
แผ่นดินเหล็กร้อนอาดูร ฯ

ลุกป่ายหน้ายังฝ่ายบูรณ์
ข้างฝ่ายบูรณ์ก็วางมา ฯ

กลับหลังไปมะนิมมะนา
ฝ่ายข้างทิศตะวันเย็น ฯ

เมิลแต่ไกลก็แลเห็น
ถ่านไฟร้อนเรืองขจร ฯ

ป่ายหน้ามายังอุดร
ลุกเรืองขึ้นมาเร็วฉิน ฯ

ป่ายหน้ามายังทักษิณ
ผุดขึ้นแล้วก็วางมา ฯ

ย่อมล้วนไฟร้อนหนักหนา
ทั้งนั้นเล่าย่อมล้วนไฟ ฯ

ดิ้นระด่าวในกลางไฟ
วัดนาไร่ให้ล้ำเลอ ฯ

เป็นนายไร่นายอำเภอ
ภูเขาไฟเผาเป็นธุลี ฯ

อันเฉลียวฉลาดเชื้อเมธี  
ชื่อว่าขุทกะนิกาย ฯ  

เป็นกุศลแก่หญิงชาย
ฟังจำไว้สั่งสอนใจ ฯ

อันมีนามชื่อมาลัย    
ดับไฟนรกด้วยฤทธิรน ฯ 

ภูเขาเกิดบัดเดี๋ยวดล
ทนลำบากกลางไฟเผา ฯ

ใจเขลาโฉดกินน้ำเมา
ด่าพระเจ้าสั่งสอนใจ

อันเดือดพล่านอยู่กลางไฟ
ในปากนั้นก็เปื่อยพัง  ฯ

คอไหม้พองเป็นมันย่าง
เป็นรูปรูทะลุออกมา ฯ

ได้กินเหล้าเมาสุรา
บาปกินเหล้าแลเมามาย ฯ

ไส้นั้นขาดกระจัดกระจาย
บาปกินเหล้าสูบกัญชา ฯ

ท่านจึงเสด็จลงไปหา
ให้น้ำแสบกลับเป็นหวาน ฯ

ดั่งอมฤตนฤพาน
ด้วยใบบุญพระมาลัย ฯ

 มิทันช้าบัดเดี๋ยวใจ
กลับแสบร้อนดั่งก่อนมา ฯ

พระมาลัยรับวาจา
อันเขาอยู่ในเมืองคน ฯ

ให้ทานบ้างทำกุศล
แผ่ไปถึงญาติกา ฯ

อันลือยศทั่วทิศา
ผู้ปรากฎทั่วแดนไตร ฯ

เข้านิพพานล่วงลับไป
ยังอยู่น้ันฉลององค์มา ฯ

แก่นรกแลเปตา
แลมนุษย์ทั่วอนันต์ ฯ

พระมาลัยนำมาพลัน
ให้เขาทำบุญส่งมา ฯ ราบฯ



ลำบากหนักหนา
ฝูงสัตว์อยู่รุม
พลอยกัดกินกลุ้ม
รุมจิกเฉี่ยวเอา ฯ

ยังแต่โครงเปล่า
ร้องครางเสียงแข็ง
รุมจิกด้วยแรง
ยื้อแย่งไปมา ฯ

ไปสู่เวหา
ในกลางหาวหน
เมื่อยังเป็นคน
บ่มิอดสู ฯ

บ่มิได้เอ็นดู
ดิ้นล้มดิ้นตาย
ท้ังวัวทั้งควาย
แต่ล้วนสี่ตีน ฯ

วัวควายอาจิณ
รุมกันเฉี่ยวเอา
ไว้แต่โครงเปล่า
เนื้อตนน้ันไป ฯ

เจ็บปวดฉันใด
ทนเจ็บคนเดียว
แต่ตนอยู่เปลี่ยว
ทนเวทนา ฯ

ให้มรณา
จิกทิ้งเนื้อตน
เจ็บปวดเหลือทน
เป็นดาบเชือดลง ฯ

เต็มทั่วทั้งองค์
ทั่วทั้งสารพางค์
ร้องไห้อืดคราง
พาไปเวหา ฯ

เจ็บปวดหนักหนา
เพียงจะสิ้นชนม์
เมื่อยังเป็นคน
ย่อมฆ่าหมูขาย ฯ

เพราะบาปบ่มิอาย
เลี้ยงลูกเมียตน
นับเท่าเส้นขน
นับชาติแต่ละที ฯ

ยิ่งกว่าพันปี
ฆ่าหมูเลี้ยงตน
ทั่วตัวย่อมขน
ขนนั้นเป็นปืน ฯ
ทั่วตัวไขว่ขวืน

ยอกเข้าเสือกสน
ร้องครางอะดักอะดล
พาไปเวหา ฯ

จมูกลูกตา
โทรมทั่วทั้งตน
เมื่อยังเป็นคน
ย่อมยิงนกกิน ฯ

ในโลกแดนดิน
ยอกเข้าทั้งองค์
ขนยอกตนลง
เจ็บปวดนักหนา ฯ

ไปในเกษา
โดยปากแห่งตน
มากนักเหลือทน
ยอกเข้าท้องพลัน ฯ

จะเอารางวัล
ลำบากนักหนา
ปักในต้นขา
โดยแข้งแห่งตน ฯ

เจ็บปวดเหลือทน
ออกมาฝ่าตีน
ตอดสับพาบิน
เลือดโทรมทั้งตน ฯ

ปวดร้องครางรน
งอกออกโดยคอ
เป็นคนขี้ฉ้อ
ให้เขาลุ่มหลง ฯ

ทิ่มแทงปรุโปร่ง
ให้เขาเกาะกัน
ครางรนตัวสั่น
เห็นแก่สินไหม ฯ

ลำบากเหลือใจ
เติบเท่าตุ่มหาม
ดุจดั่งถุงย่าม
เหม็นโขลงพึงชัง ฯ

แบกไว้บนหลัง
โซเซไปมา
ใหญ่ดั่งหว่างขา
ลุกขึ้นโอ้เอ้ ฯ

ปวดนักโก้งโค้ง
ลุกขึ้นโอ้เอ้
พาแล่นโซเซ
สุดสิ้นถอยแรง ฯ

รุมจิกยื้อแย่ง
ไปสู่เวหา
เจ็บปวดนักหนา
อะดักอะดล ฯ

เมื่อยังเป็นคน
เป็นเจ้าบ้านเมือง
ให้เขาแค้นเคือง
ว่าความบ่มิตรง ฯ

ย่อมข่มมันลง
เป็นคนลำเอียง
ว่าความไม่เที่ยง
มุมมืดปิดเสีย ฯ

คิดอ่านไกล่เกลี่ย
ให้ได้สินไหม
บ่มิให้อันใด
บ่มิให้ถามเลย ฯ

บ่มิถามจำเลย
คำเขาท้ังสอง
บ่มิสอบตามทำนอง
บ่มิได้นำพา ฯ

บ่มิได้พิพากษา
บ่มิได้คิดดู
บ่มิเป็นตราชู
ตามพระวินัย ฯ

เป็นอัณฑะใหญ่
เจ็บปวดเหลือทน
บ่มิเป็นกุศล
เติบเท่าตุ่มหาบ ฯ

คอเน่าลามปาม
เห็นแก่สินไหม
เป็นคอพอกใหญ่
เป็นตุ่มเป็นฝี ฯ

เป็นหญิงอัปรีย์
เน่าเปื่อยระสาย
เน่าเปื่อยมิหาย
เหม็นอยู่อาจิณ ฯ

เกล็ดฝีน้ันกิน
ค่ำเช้าเพลางาย
ฝีนั้นยิ่งกลาย
หนองโทรมทั้งตน ฯ

จิกสับสาลวน
ไปสู่เวหา
จิกหูตลอดเวลา
ยื้อแย่งเรื่ยราย ฯ

ดิ้นล้มดิ้นตาย
ระทดทั้งตน
ตามืดมัวมนธ์
พ้นที่จะคณนา ฯ

เหม็นโขลงนักหนา
เปื่อยเน่าทรุดโทรม
บ่มิเป็นรูปโฉม
เจ็บปวดเหลือใจ ฯ

เมื่อชาติก่อนไกล
ให้ลงผีดู
สันย่อมว่ากู
กูเป็นตายาย ฯ

แห่งสูทั้งหลาย
สูอย่าร้อนใจ
บนเป็ดบนไก่
ตับไตในท้อง ฯ

ขวัญข้าวทั้งผอง
สูเร่งบนบาน
มีหัวมีหาง
ให้สู้เป็นคน ฯ

แสร้งกล่าวเล่ห์กล
 ให้เขาบนบาน
 หม้อเข้าอย่านาน
เหล้าเข้มเงินทอง ฯ

มากมายก่ายกอง
ตบแต่งบูชา
คาวหวานนานา
ให้เขาเชื่อใจ ฯ

ให้ฆ่าเป็ดไก่
มือเน่าพิกล
ตัวเปื่อยทั้งตน
ปากเน่าเป็นฝี ฯ

ว่าร้ายแก่ผี
หูเน่าเป็นหนอง
ทั้งตัวเป็นหนอง
กลัดเป็นหนองฝี ฯ

ให้เขาดูดี
แกะฝีกินเอง
เชื่อบนครื้นเครง
กินฝีแห่งตน ฯ

กล่าวเท็จให้ฉงน
กินหนองทุกวัน
ลวงให้บนบาน
ยิ่งกว่าพันปี ฯ

ให้เขาไหว้ผี
เปื่อยพังทั้งตัว
ย่อมว่าเย้ายั่ว
เพราะตนอาธรรม์ ฯ

ทำตีนมือสั่น
เหม็นเน่าทั้งตัว
ว่าให้เขากลัว
ระเริ้มงกงัน ฯ

ว่าเท็จผิดธรรม์
ยิ่งกว่าไฟลน
ให้เขาขอบน
ยิ่งกว่าแทงลง ฯ

ว่าให้เขาหลง
บ่อมิพบพระเลย
ไหว้พระชมเชย
เป็นอสุรกาย ฯ

เอาผีเป็นนาย
ตัวเป็นตัวคน
สัปประมงคล
หัวเป็นหัววัว ฯ

ให้เขาบนตัว
หัวเป็นหัวทราย
ย่อมวายถอยหาย
หัวเป็นหัวคน ฯ

ให้เขาบวงบน
หัวเป็นเป็ดมัน
นอนขดเอาขวัญ
หัวเป็นหัวคน ฯ

แลไหว้วอนบน
หัวเป็นแร้งกา
ย่อมเซ่นเหล้ายา
ตัวเป็นหัวคน ฯ

กลัวตายบวงบน
หัวเป็นแรตกวาง
ย่อมลงผีสาง
หัวเป็นหัวคนฯ

กล่าวเท็จพิกล
หัวเป็นสมัน
ว่าเท็จผิดธรรม์
หัวเป็นหัวคนฯ

กล่าวปดให้ฉงน
หัวเป็นหัวเสือ
ผู้ใดหลงเชื่อ
หัวเป็นหัวคนฯ

กล่าวปดให้ฉงน
หลากหลากหลายพรรณ
ย่อมคอยเบียดกัน
เป็นนิจกาล ฯ

แต่ล้วนเบียนผลาญ
มากกว่าพันปี
ว่าเหตุดังนี้
ย่อมบาปนักหนา ฯ

จึ่งแก้ปริศนา
บ่มิเป็นมงคล
เพราะใจอกุศล
ได้ขอบนผี ฯ

อดอยากแสนทวี
ลำบากเหลือใจ
ย่อมเซ้นซ้ำไป
ส่งไปภายหลังฯ

บาปนั้นกลับยัง
เสมือนเพิ่มบาปไป
บาปหนักเหลือใจ
ให้ผีท้ังหลาย ฯ

เป็นอสูรกาย
แต่หลังกล่าวมา
ฉลาดพรรณา
ฟังแล้วจำเอา ฯ

อย่าฟังเปล่าเปล่า
ตามคำสำแดง
ผู้ฉลาดจัดแจง
ให้เป็นกุศลฯ ฉันฯ


















วันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2558

กาพย์พระมาลัย (๑)

กาพย์พระมาลัย 

๐ นะโมตัสสะ  ภะคะวะโต  อะระหะโต  สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโมตัสสะ  ภะคะวะโต  อะระหะโต  สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโมตัสสะ  ภะคะวะโต  อะระหะโต  สัมมาสัมพุทธัสสะ

๐ พุทธัง  สะระณัง  คัจฉามิ
ธัมมัง  สะระณัง  คัจฉามิ
สังฆัง   สะระณัง คัจฉามิ

๐ ทุติยัมปิ  พุทธัง  สะระณัง  คัจฉามิ
ทุติยัมปิ  ธัมมัง  สะระณัง  คัจฉามิ
ทุติยัมปิ  สังฆัง  สะระณัง  คัจฉามิ

๐ ตะติยัมปิ พุทธัง  สะระณัง  คัจฉามิ
ตะติยัมปิ  ธัมมัง  สะระณัง  คัจฉามิ
ตะติยัมปิ  สังฆัง  สะระณัง คัจฉามิ 

๐ ติโลกะเสฎฐัง  ตังพุทธัง  ธัมมัง
มะวะนิยานิกัง  สังฆัง  นิรังคะณัญเจวะ
อะภิวาทิยะ  ภาสิสสังฯ 

๐ ข้าไหว้พระเจ้าผู้ประเสริฐเลิศไตรภพ
ข้าพเจ้าจะขอนบพระนวโลกอุดร
ข้าพเจ้าขอถวายประนมกร  พระสงฆ์อันบวร
ข้าพเจ้าจะขอแปลตามคำสั่งสอน  พระเถรบวร
ผู้ชื่อว่าพระมาลัย  ข้าขอระงับบังคับใจ
บาปกรรมอันใด  จงอย่าได้มาพาน
ข้าจะขอทรงธรรมอันพิสดาร  จนลุถึงนิพพาน
ดับชาติสงสาร  ขึ้นชื่อว่าความผิดนั้น จงอย่าได้มีเลยฯ ฉันฯ



(โปรดติดตามตอนต่อไป)