วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2559

กาพย์พระมาลัย (ภาคพระศรีอารย์) ตอนที่ ๗


กาพย์ฉบัง ๑๖

๐ เมื่อนั้นพระศรีอารย์                    มีเทวโองการ
ถามแก่สมเด็จพระมาลัย ฯ
๐ เออสมณะนี้่มาแต่ไหน              สมภารเลิศไตร
วิสุทธิสงฆ์ทรงศีล ฯ
๐ มาถึงเมืองสวรรค์ชั้นฟ้า            ฝูงเทพถ้วนหน้า
มานั่งพร้อมล้อมไสว ฯ
๐ พระมาปรารถนาอันใด              บอกให้แจ้งใจ
ข้าจะได้แต่งถวาย ฯ
๐ พระมาลัยได้ฟังภิปราย            จึงเอื้อนขยาย
แก่เจ้าพิภพขานสนอง ฯ
๐ บพิตรพุทธพงศ์ผู้ครอง            พุทธสมบัติปอง
ตรัสเป็นเจ้าเรากล่าวให้รู้ ฯ
๐ ข้าแต่บพิตรพงศ์สัพพัญญู      เรามาแตชมภู
เพื่อหวังไหว้พระเจดีย์ ฯ
๐ ทั้งชมสมภารหน่อพระชินศรี   จงทราบคดี
ในกิจที่มาสุราลัย ฯ

กาพย์ร่ายไม้ ๓๒

๐ ข้าแต่พระเถร                   ชาวชมภูทวีป
เขาเลี้ยงชนม์ชีพ                 ด้วยสิ่งอันใด
เขาย่อมประพฤติ                 กิจการสิ่งไร
เลี้ยงชีพชนม์ไป                  ด้วยการดังฤา ฯ
๐ พระเถรจึงขาน                 ว่าชาวชมภู
เขากินเขาอยู่                      ตามกิจแห่งตน
ชาวชมภูทวีป                      เขาทำสารวล
ด้วยเลี้ยงชีพชนม์                ยากจนพ้นไป ฯ
๐ ชาวชมภูทวีป                   ลางคนเช็ญใจ
ลางคนสุกใส                       ลางคนมั่งมี
ลางคนรูปงาม                      ลางคนอัปรีย์
ลางคนอายุมากมี                 ลางคนพลันตาย ฯ
๐ คนผู้มั่งมี                          น้ันน้อยเดียวดาย
คนยากมากมาย                   มีทั่วโลกา
คนผู้เป็นสุข                         มีน้อยนักหนา
ผู้เป็นทุกขา                         ทุกแห่งแพร่งพราย ฯ
๐ คนผู้เป็นทุกข์                   มากนักเหลือหลาย
คนชั่วหยาบคาย                  เต็มทั่วพสุธา
ผู้ใจกุศล                             น้อยนักน้อยหนา
ใจบาปหยาบช้า                  มีทั่้วทุกสถาน ฯ
๐ รูปโฉมงามดี                    มีพอประมาณ
รูปชั่วสาธารณ์                     มีทั่วโลกา
จะเป็นมนุษย์นั้น                  น้อยนักน้อยหนา
ดิรัจฉานนั้นมา                     มีมากเหลือหลาย ฯ
๐ ผู้อายุยืน                          มีน้อยเดียวดาย
คนผุ้พลันตาย                      มากทั่วสากล
รูปบอกดั่งนี้                         แก่หน่อทศพล
ให้รู้เหตุผล                         แห่งชาวบุรี ฯ                    
๐ องค์พระศรีอารย์             ได้ฟังคดี
พระมาลัยเจ้าชี้                   บอกแจ้งแถลงถวาย
จึงถามต่อไป                      พระเจ้าอภิปราย
พระเจ้าเล่าถวาย                ถึงชาวชมภู ฯ
๐ ข้าแต่พระเถร                  พระผู้เป็นครู
บัดนี้ชาวชมภู                     ทำบุญหรือไฉน
หรือว่าทำบาป                    มากมายหลือใจ
ทั้งสองนี้ไซร้                      ใครมากกว่ากัน ฯ
๐ ดูก่อนบพิตร                    ฝูงคนทุกวัน
จะทำบุญนั้น                       น้อยนักน้อยหนา
ทำบาปมากมาย                  ไม่อายเลยนา
ขวนขวายไปมา                    ดีไว้แ่กตน ฯ
๐ อันชั่วจึงทำ                      เป็นการกุศล
ดีไว้แก่ตน                            ประดับอาตมา
ผู้ทำบุญน้ัน                          น้อยนักน้อยหนา
ใจบาปหยาบช้า                   มีมากเหลือเกิน ฯ เชิด ฯ

*  เชิด เข้าใจว่าบอกเพลงบรรเลงเพลงปี่พาทย์เมื่อสวดจบตอน

วันจันทร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2559

กาพย์พระมาลัย(ภาคพระศรีอารย์) ตอนที่ ๖


กาพย์ยานี ๑๑

๐ เมื่อนั้นพระศรีอารย์       มีบริวารย่อมสาวศรี
เสด็จถึงพระเจดีย์             จีงกราบเกล้านมัสการ ฯ
๐ กราบแล้วประทักษิณ    ประนมชมทั้งแปดสถาน
บูชาเครื่องตระการ            น้ำมัน หอมธูป  เทียนมี ฯ
๐ ลางนางเทพอัปสร        ประนมกรอัญชุลี
กราบไหว้พระเจดีย์           ต่างต่างชื่นหฤหรรษา ฯ
๐ บ้างถอดสร้อยเพชรไว้   ถวายเครื่องอลังการ
ลางนางถวายภูษา            ไว้แก่ธาตุพระเจดีย์ ฯ
๐ นางสวรรค์ถวายดอกไม้ ธูปเทียนไหว้ด้วยเปรมปรีดิ์
ตามโคมรอบเจดีย์             ตามประทีปน้ำมันหอม ฯ
๐ เครื่องทิพย์อันวิเศษ       ชูเหนือเกศกลางกระหม่อม
มณฑาทิพย์แลเครื่องหอม นางทั้งหลายบูชาไว้ ฯ
๐ ถวายฉัตรกลิ้งกลดมาศ   ธงกระดาษแลธงไชย
ดาดเพดานงามไสว            นางทั้งหลายต้ังบูชา ฯ
๐ ต้ังไว้ในอากาศ               งามเดียรดาษเรืองโสภา
รอบคอบทั้งทิศา                 ย่อมบูชาล้วนฉัตรธง ฯ
๐ สาวสวรรค์ล้วนนางแมน   ถอดแก้วแหวนอันบรรจง
ถวายพระธาุตพทุะองค์       พระเกศธาตุอันอนันต์ ฯ
๐ แสงแก้วเรืองเดียรดาษ   ทั้งอากาศทั้วเมืองสวรรค์
ดุจเทพอาทิตย์จันทร์         รัศมีอันรุ่งเรืองฉาย ฯ
๐ ลางนางเปล่งเสียงขับ     ลางนางจับระบำถวาย
*ลางนางดีดพิณสามสาย   ดุริยะดนตรีเพราะเอาใจ ฯ
๐ กลิ่นหอมหอมตระหลบ   ทั้วพิภพท้าวสหัสนัยน์
เสียงเสนาะเพราะเหลือใจ  ด้วยสำเนียงเสียงดุริยา ฯ
๐ พิณพาทย์ทั้งแตรสังข์     ทั้งปี่แก้วปี่ชวา
เจื้อยแจ้วจับวิญญา             วังเวงเสียงสำเนียงหวาน ฯ  เชิด** ฯ


* พระพุทธเลิศหล้าสุราลัย ทรงพิณสามสาย
**  คำว่า เชิด  เข้าใจว่าบอกการบรรเลงเพลงปี่พาทย์เมื่อสวดจบตอน


วันจันทร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2559

กาพย์พระมาลัย (ภาคพระศรีอารย์) ตอนที่ ๕


กาพย์ฉบัง ๑๖

๐ เมื่อนั้นอินทราเจ้าไพชยนต์           จึงแจ้งยุบล
ว่าโพธิสัตว์นี้มีสาม ฯ
๐ ผู้หนึ่งปัญญาเกิบขาม                    จึงได้พระนาม
ชื่อปัญญาธิกะหน่อพุทธองค์ ฯ
๐ ผู้หนึ่งศรัทธายวดยง                      เมื่อเป็นพุทธองค์
ชื่อศรัทธาธิกะจอมธรรม์ ฯ
๐ ผู้หนึ่งอุตสาหะมากครัน                 ทรงนามอนันต์
ชื่อวิริยาธิกะเจ้าจุมพล ฯ
๐ ล้ำโพธิสัตว์ทั้งสามสร้างผล           ปัญญายิ่งพล
ได้ชื่อปัญญาธิกะเลิศไตร ฯ
๐ สร้างสมภารสี่อสงไขย                  กับทั้งกำไร
ได้แสนมหากัปป์บริบูรณ์ ฯ
๐ พระมีเพียรมากเพิ่มพูน                 สมภารสมบรูณ์
กำหนดโสฬสอสงไขย ฯ
๐ อีกแสนมหากัปป์กำไร                 เพียรมากเหลือใจ
ชื่อวิริยาธิกะโดยมี ฯ
๐ สมภารแห่งพระไมตรี                  คือน้ำอันมี
ในสี่สมุทรไม่ปูนปาน ฯ
๐ จะบอกได้แต่ไม่วิตถาร               กว่านั้นพ้นประมาณ
คือดั่งน้ำในสมุทรสาคร ฯ
๐ ข้าคือกระต่ายอยู่ดอน                หยั่งน้ำในสาคร
ทั้งตัวก็จะจมลงเสีย ฯ
๐ ข้่าพระเจ้าคือกระต่ายตัวเปลี้ย  ได้ลืมได้เสีย
น้ำค้างปลายหญ้าสองสามอัน ฯ
๐ น้ำในสาครยังครัน                     อเนกอนันต์
มิรู้ที่จะแห้งสุดสาย ฯ
๐ สมภารแห่งพระศรีอารย์            ยังมีมากหลาย
ข้าพระเจ้าเล่าถวายได้เท่านี้ ฯ ฉัน ฯ

*ฉัน เข้าใจว่าบอกการบรรเลงเพลงปี่พาทย์เมื่อสวดจบตอน    

วันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2559

กาพย์พระมาลัย (ภาคพระศรีอารย์) ตอนที่ ๔



กาพย์ยานี ๑๑

๐ พระเถรฟังวาจา             แห่งอินทราเพราะอุดม
มหาเถรสรรเสริญชม         สมภารเทพกัญญา ฯ
๐ เมื่อจะถามคำให้ยิ่ง        จึงพระเถรเผยวาจา
ถามท้าวอมรินทรา             ให้รู้แจ้งแห่งคดี ฯ
๐ สาวสวรรค์งามสะพรั่ง     มาภายหลังพระไมตรี
ประกอบด้วยรัศมี               เขียวขจีมรกตพรรณ ฯ
๐ อาภรณ์สร้อยเทริดแก้ว  งามพรายแพร้วเขียวทุกอัน
รัศมีสีแสงสรรพ์                 ย่อมเขียวทั้วสรรพางค์ ฯ
๐ สาวสาวรูปเหมือนกัน     ดั่งเลือกสรรดูสำอาง
เขียวแดงแสงกระจ่าง        เนื้อเขียวดั่งกลีบอุบล ฯ
๐ เขียวแดงแสงใสสด        เขียวมรกตทั่วทั้่งตน
เมื่อก่อนสร้างกุศล             ทำบุญใดแต่ปางเพรง ฯ
๐ เมื่อนั้นท้าวไตรภพ         ยอกรนบด้วยยำเกรง
บอกบุญแต่ปางเพรง         บางท้ังหลายได้สร้างมา ฯ
๐ พระอินทร์เสด็จอยุู่         ท่ามกลางหมู่แห่งเทวา
ยอกรไว้วันทา                    ตอบวาจาพระเถรถาม ฯ
๐ ข้าแต่พระเถรเจ้า            ข้าขอเล่าแต่พองาม
บุญนางอันมากตาม            มาภายหลังพระไมตรี ฯ
๐ เมื่อก่อนนางได้เกิด        เอากำเนิดในโลกีย์
ครั้นถึงวันอัฎฐมี                 นางจำศีลเป็นอัตรา ฯ
๐ นางหมั่นไปฟังธรรม       เมื่อพระเจ้าเทศนา
ก้มเกล้าถวายมาลา           ประทีบเทียนด้วยฉับเฉียว ฯ
๐ ถวายผ้าแลแพรพรรณ    อันมีพรรณย่อมล้วนเขียว
กลิ้งกลดแลธงเทียว          นางถวายบูชาธรรม์ ฯ
๐ ครั้นตายได้มาเกิด          เอากำเนิดในเมืองสวรรค์
ห้อมล้อมเจ้าจอมธรรม์      เป็นฝ่ายหลังพระไมตรี ฯ
๐ ม่วงแดงเนื้อใสสด         เห็นปรากฎงามมีศรี
ได้เครื่องประดับดี             เขียวชวนชื่นระรื่นใจ ฯ
๐ พระเถรได้ฟังอินทร์       กล่าวบอกสิ้นแถลงไข
สรรเสริญด้วยฉับไว           ว่าไพเราะพ้นประมาณ ฯ
๐ แล้วถามถึงพระคุณ        ถามถึงบุญพระศรีอารย์
ท่านได้สร้างสมภาร          ชื่อใดหนอยิ่งนักหนา ฯ
๐ บริวารล้วนนางสวรรค์    อเนกอนันต์ห้อมล้อมมา
สมภารท่านน้ันมา             ท่านสร้างมาเป็นกลใด ฯ
๐ บพิตรโปรดเฉลย          เผยวาจาว่าสืบไป
สมบัติพระเมตไตรย         ดูพิลึกยิ่งแสนทวี ฯ
๐ พระอินทร์บอกสมภาร   พระศรีอารย์สร้างบารมี
ยิ่งกว่าพระธรณี                ได้แสนโกฎิเลิศยิ่งยง ฯ
๐ ไมตรีพระโพธิสัตว์        จะได้ตรัสเป็นพุทธองค์
พระเจ้าจะได้ส่ง                สัตว์ทั้งหลายเข้านิพพาน ฯ
๐ พระเจ้าจะโปรดโลก      พ้นจากโอษสงสาร
ได้สร้างบุญสมภาร           มากกว่าแผ่นพระธรณี ฯ
๐ พระให้สมบัติโภค         เป็นยศโยคแ่กโลกีย์
ให้สัตว์ทั่้วธรณี                 อิ่มอกตื้นชื่นใจบาน ฯ
๐ ข้ามิอาจจะกล่าวได้      ท่านสร้างไว้มาช้านาน
บารมีพระศรีอารย์             ข้านี้รู้มิสิ้นเลย ฯ
๐ เจ้าจอมจะลุเสร็ฺจ          ตรัสสรรเพชญ์ชื่นชมเชย
มาลัยเจ้าหัวเอย               ข้าจะเล่ามิถ้วนถึง ฯ
๐ สมภารท่านเลิศล้น       พ้นที่รู้ที่รำพึง
ข้ามิอาจจะร่ำถึง              จะได้บอกแต่บังควร ฯ
พระแต่งขุมทรัพย์ไว้    ให้แก่โลกทั้วทั้งมวล
ให้ทานย่อมสมควร          มากกว่าโกฎิอสงไขย ฯ
๐ส่วนองค์พระนั่งเกล้า     ผู้ผ่าน เผ้าชื่อเมตไตรย
ทำเพียรบารมีไว้              ได้อเนกกัปป์โกฎิมา ฯ
๐ สมเด็จพระไมตรี           สร้างขันติบารมีมา
จะโปรดสัตว์ทั่วโลกา       ให้พ้นทุกข์ทั้วอนันต์ ฯ
๐ ได้สร้างซึ่งขันติ            บารมีมากครามครัน
ได้อเนกนันโกฎิกัลป์       หลายชาติแล้วสร้างกุศลฯ
๐ ไมตรีจะโปรดสัตว์        ถึงอรหัตต์ลุมรรคผล
ให้หน่ายในกายตน          ด้วยพระไตรลักษณญาณ ฯ
๐ ท่านต้ังสัจจบารมี         มามากมีก่อนมานาน
ต้ังไตรลักษณญาณ         เอาเท่านี้เป็นอารมณ์ ฯ
๐ ไมตรีเจ้าจอมนาถ        เพียรหลายชาติท่านสร้างสม
ตั้งอธิษฐานเป็นอารมณ์   จะขอตรัสเป็นพุทธองค์ ฯ
๐ นิจศีลห้าประการ          ท่านรักษาให้มั่นคง
ตั้งจิตคิดจำนง                 จะโปรดสัตว์ทั้งอนันต์ ฯ
๐ โปรดสัตว์ให้ไปเกิด     เอากำเนิดในเมืองสวรรค์
ให้สัตว์หมั่นฟังธรรม์        รักษาศีลเป็นนิจกาล ฯ
๐ ส่วนองค์พระนั่งเกล้า    รักษาศีลสมาทาน
อุโบสถแปดประการ         แลศีลห้าทุกทุกวัน ฯ
๐ ส่วนองค์ทรงผนวช       เสด็จออกบวชร่ำเรียนธรรม์
มากกว่ากัปป์โกฎิกัลป์     แต่ท่านได้บวชเป็นสงฆ์ ฯ
๐ สอนสัตว์ให้เข้าฌาณ   อาณาปาอันยิ่งยง
ให้สัตว์ไปทางตรง           ในอักนิฎฐพรหมา ฯ
๐ สมเด็จพระเมตไตรย    สอนสัตว์ไปทั่วโลกา 
ให้เห็นอนิจจา                 จะให้ได้โสดาผล ฯ
๐ พระเอาปัญญาอ้อม      มาห้อมล้อมสัตว์ทุกคน
ให้ได้ซี่งมรรคผล             พ้นวิบาปจากโลกา ฯ
๐ พระเจ้าโปรดสัตว์ไป     จะให้ได้สกิททาคา
ให้เห็นอนิจจา                  นาสังเวชในสงสาร ฯ
๐ จะให้นิพพานสมบัติ      แก่ฝูงสัตว์ทุกสถาน
ให้แจ้งในสงสาร               ให้สัตวฺ์เห็นแจ้งแก่ใจ ฯ
๐ ไมตรีท่านดีนัก              ท่านมิรักมิชังใคร
สมเด็จพระเมตไตรย        ได้สร้างแล้วมากนานาน ฯ
๐ อนันต์อดิเรก                 อดิเรกพ้นประมาณ
ได้ก่อเริ่มเพิ่มมานาน        นับเอนกอนันต์ครัน ฯ
๐ ไมตรีเจ้าจอมปราชญ์    อาจสามารถจะแปลธรรม์
โน้มสัตว์ให้ไปสวรรค์       แล้วให้ได้ถึงนิพพาน ฯ
๐ ไมตรีผู้ฉลาด                ตั้งสมาธิกัมมัฎฐาน
ข่มกิเลสอุปาทาน            ด้วยศีลญาณน้ำใจตรง ฯ
๐สอนสัตว์ทกประเทศ     ดับกิเลสให้ปลดปลง
สมภารแห่งพระองค์         สร้างมากแล้วจึงสำเร็จ ฯ
๐สมเด็จพระศรีอารย์        ปัญญาญาณคือ สายเพ็ชร
ตัดบาปให้ขาดเด็ด           ด้วยดาบกรดคือปัญญา ฯ
๐ สร้างโพธิสมภาร           ด้วยพระญาณมหึมา
มากยิ่งกว่าพสุธา             ได้อเนกอสงไขย ฯ
๐ โปรดสัตว์ให้ไปรอด     ได้เล็ดลอดพ้นทุกข์ภัย
ล่วงลัดสงสารไป              พ้นจากทุกข์เข้านิพพาน ฯ
๐ เมตไตรยรุุ่งเรืองโชติ    ท่านสร้างโพธิสมภาร
ได้อนันต์จักรวาล              ยิ่งล้นพ้นนี้ออกไป ฯ
๐ ไมตรีเจ้าใจกว้าง           จะบอกทางให้แจ้งใจ
ไตรลักษณ์ฺท่านจักไข      ให้เห็นแจ้งแห่งมรรคผล ฯ
๐ ผู้ใดใคร่นิพพาน            ดับสงสารม้วยชาติชนม์
ให้จำเริญสร้างกุศล           เอาไตรลักษณ์ภาวนาฯ
๐ สมเด็จพระศรีอารย์        ผู้จะผลาญกิเลสราคา
เอาไตรลักษณ์ภาวนา       เป็นเนืองนิตย์ทุกวันวาน ฯ
๐ หายใจออกหายใจเข้า   เอาไตรลักษณ์เป็นกรรมฐาน
เมื่อได้ตรัสโพธิญาณ        เอาไตรลักษณ์โปรดสัตว์ไป ฯ เชิด ฯ 

 คำว่า เชิด  เข้าใจว่าบอกการบรรเลงเพลงปี่พาทย์เมื่อสวดจบตอน