วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2558

กาพย์พระมาลัย (๑๑)




กาพย์ร่ายไม้ ๓๒

๐ ยังมีเทพหนึ่ง         บริวารสี่หมื่น
เสด็จมาชมชืน          ไหว้พระเจดีย์
พระเถรเล็งเห็น         ถามท้าวโกสีย์
องค์พระไมตรี           มาโพ้นหรือไร ฯ

๐ พระอินทร์จึงขาน  ไหว้พลางตอบไป
ใช่พระเมตไตรย        หน่อพระพุทธองค์
พระเถรว่าใคร            แลไปยิ่งยง
อินทราว่าใช่องค์       ใช่พระทศพล ฯ

๐ พระเถรจึงถาม        ความในกุศล
เทพนี้เมื่อเป็นคน       สร้างผลชื่อใด
มีอานุภาพ                 มากล้นเหลือใจ
บริวารงามไสว           ล้วนนางสาวศรี ฯ

๐ เทพนี้เมื่อก่อน      เป็นช่างหูกดี
ปัญญาก็มี                ทำบุญมิหย่อน
อยู่เมื่องอนุราช        บุรีนคร
ช่างหูกบวร              คือเพชรฉลูกรรม์ ฯ

๐ ชายน้ันแลเห็น     ซากผีขมีขมัน
เก็บฟืนด้วยพลัน     มาเผาเอาบุญ
นิมนต์พระสงฆ์        ให้บังสุกุล
ให้ทานทำบุญ         อุทิศส่งไป ฯ

๐ ชายน้ันตักบาตร      อาคาสผ้าไตร
ฟูกหมอนที่นอนใหญ่  เตียงตั่งอย่างดี 
ได้นางสี่หมื่น              เพราะบุญเผาผีง
มีที่นอนดี                   บุญให้ฟูกหมอน ฯ

๐ เทพนั้นผันผาย       ถวายชุลีกร
พระธาตุบวร               ด้วยบริวารตน
ทักษิณแปดทิศ         ด้วยจิตกุศล
ทั้งบริวารตน              นั้งเรียงกันไป ฯ

๐ ดับน้ันเทพหนึ่ง     เสด็จมาทันใด
นางห้าหมื่นไสว       แต่ล้วนสาวสวรรค์
มีพระรัศมี                 มีแสงเฉิดฉัน
มาถวายอภิวันท์       พระธาตุเจดีย์ ฯ

๐ พระเถรแลเห็น    ถามท้าวโกสีย์
นั้่นพระไมตรี           ใช่หรือเทพใด
พระอินทร์ตอบคดี   เทพนี้มิใช่
พระเถรว่าใคร          เรืองทั่วสากล ฯ

๐ พระเถรว่าเทพ     ผู้นั้นสร้างผล
เมื่ออยู่เป็นคน         ทำกุศลชื่อใด
มีนางสวรรค์            ห้อมล้อมไสว
รัศมีเรืองใส             แน่นเนืองกันมา ฯ

๐ เทพนี้เมื่อก่อน     ได้เป็นพระยา
ในเมืองลังกา           เกาะแก้วบุรี
ชื่อท้าวศรัทธา          ติสสาธิบดี
เธอได้เป็นพี่              แห่งท้าวอภัย ฯ

๐ เธอนั้นเคารพ        ไหว้นพระรัตนตรัย
พระอรหันต์นั้นไซร้    ท่านได้นมัสการ
รักษาศีลห้า               ศีลแปดประการ
ไตรลักษณญาณ       ท่านได้ภาวนา ฯ

๐ บ่มิได้ตระหนี่        ถี่ทรัพย์บูชา
พระเจ้าไปมา           ยาจกอาศัย
บุญดั่งนี้แล               นาพระมาลัย
นางสวรรค์แลไสว    ห้าหมื่นมีศรี ฯ

๐ เทพน้ันเสด็จมา   ไหว้พระเจดีย์
กับนางสาวศรี          ห้าหมื่นบริวาร
ก้มเกล้าเกศี             ยกกรนมัสการ
ทักษิณชื่นบาน         แปดทิศเวียนไป ฯ

๐ แล้วออกมานั้ง     ลำดับต่อไป
ตามอัชฌาศัย         ที่นั่งแห่งตน
กับทั้งบริวาร           ห้าหมื่นสับสน
ตามที่ของตน         เคยนั้่งทุกที ฯ เชิด ฯ

กาพย์ฉบัง ๑๖

๐ เทพหนึ่งเสด็จมาด้วยพลัน  บริวารครามครัน
นับได้หกหมื่นโดยตรา ฯ
๐ มาเพื่อจะไหว้วันทา              พระเกศจุฬา
พระธาตุพระเจ้าด้วยดี ฯ
๐ พระเถรถามท้าวโกสีย์          โน้นพระไมตรี
โพธิสัตว์เจ้าหรือกลใด ฯ
๐ พระอินทร์จีงบอกพระมาลัย  ศรีอารย์มิใช่
เทพองค์อื่นไซร้เสด็จมา ฯ
๐ พระเถรถามท้าวอินทรา        ว่าเทพน้ันหนา
ได้สร้างกุศลชื่อใด ฯ
๐ อินทราว่าท่านนี้ไซร้             ชื่อท้าวอภัย
ทศคามณีลงกา ฯ
๐ ท่านนี้เลื่อมใสศรัทธา          ให้ข้าวแลผ้า
ให้ทั้งกุฎีแลสถาน ฯ
๐ ปรนนิบัติเภสัชบริขาร           อุปฐากทุกกาล
ฟังธรรมเป็นนิตย์โดยจง ฯ
๐ ไหว้นพเคารพดำรง             ต้ังจิตใจปลง
ช่วยท้ังมวลสงฆ์อันดี ฯ
๐ ทำสถูปรูปพระเจดีย์            ปลูกไม้พระศรี
มหาโพธิ์เป็นเจดีย์สถาน ฯ
๐ ปรนนิบัติพ่อแม่เผ่าปราน     รักษาพยาบาล
บำเรอพระสงฆ์ขัดสน ฯ
๐ ผู้่ใดยากไร้ทรพล                ลำบากยากจน
ก็ให้ดั่งใจจินดา ฯ
๐ ผู้ใดมีใจปรารถนา               ข้าวน้ำโภชนา
ก็ให้ตามใจจำนง ฯ
๐ ชีพราหมณ์สมณะพระสงฆ์  ต้ังใจจำนง
ปฎิบัติทุกเวลา ฯ
๐  ท่านนั้นได้ทำก่อนมา         จึ่งได้นางฟ้า
หกหมื่นสับสนล้อมมา ฯ
๐ เทพน้ันจึงเสด็จเคลื่อนคลา  กราบไหว้วันทา
แล้วทักษิณรอบพระเจดีย์ ฯ
๐ ยอกรประนมชุลี                    ไหว้พระเจดีย์
ด้วยใจใสสุทธิ์ศรัทธา ฯ
๐ ไหว้แล้วจึงเสด็จออกมา        นั้่งในฐานา
อันควรอันดับน้ันไป ฯ ฉัน ฯ

* คำว่า เชิด ฉัน เข้าใจว่าเป็นการบอกการบรรเลงเพลงปี่พาทย์เมื่อสวดจบตอน







      

วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2558

กาพย์พระมาลัย (๑๐)



กาพย์ฉบัง  ๑๖
๐ เทพผู้หนึ่งมาด้วยพลัน       บริวารครามครัน 
ได้สองหมื่นห้อมล้อมกันมา ฯ
๐ มาเพื่อจะไหว้วันทา            พระมาลัยทอดตา
เห็นถามท้าวโกสีย์มินาน ฯ
๐ มานั่นหรือคือพระศรีอารย์    ผู้มีสมภาร
หน่อพุทธางกูรเจ้าหรือฉันใด ฯ
๐ พระอินทร์จึงขานตอบไป     มานั้นมิใช่
องค์พระเจ้าพระศรีอารย์ ฯ
๐ พระเถรจึงเผยโวหาร           ถามท่านมัฆวาน
ว่าเทพนั้นคือองค์ใด ฯ
๐ ได้สร้างกุศลนั้นชื่อใด         มีบริวารไสว
แต่ล้วนงามงามทุกตน ฯ
๐ พระอินทร์จึ่งชี้ช่องกุศล      เทพนั้นเป็นคน
ได้ตักบาตรน้อยหนึ่งทีเดียว ฯ
๐ แก่ภิกษุอันเดินเที่ยว          บิณฑบาตมิเหลียว
ประกอบด้วยศีลาจารย์ ฯ
๐ ผู้ใดตักบาตรเป็นทาน        แก่ภิกษุศีลาจารย์
อันบิณฑบาตในสถานหนทาง ฯ
๐ ผู้นั้นได้บริวารล้วนนาง       ประดับต่างต่าง
ล้วนมีรูปโฉมโนมพรรณ ฯ
๐ เทพนั้นเสด็จเข้ามาพลัน   ถวายธูปเทียนสุวรรณ 
แก่พระธาตุจุฬามณี ฯ
๐ ไหว้ทั้งแปดทิศด้วยดี       ด้วยนางสาวศรี
มานั้งในที่อันดับน้ันไป ฯ
๐ เทพผู้หนึ่งมาบัดใจ         บริวารสามหมื่นไสว
สะพรึบพร้อมล้อมกันมา ฯ
๐ มาเพื่อจะไหว้วันทา        พระเถรทัศนา
เธอจึงถามท้าวมัฆวาน ฯ
๐ มานั้นหรือคือพระศรีอารย์ พระอินทร์จึ่งขาน
ว่ามิใช่พระเมตไตรย ฯ
๐ พระเถรถามว่าคือใคร    พระอินทร์ขานไข
ว่ามิใช่พระศรีอารย์ ฯ
๐ คือว่ามหาราชสมภาร   แต่ก่อนโพ้นนาน
เทพนั้นสร้างกุศลชื่อใด ฯ
๐ จึ่งมีรัศมีสดใส             ทำบุญชื่อใด
จึ่งมีนางฟ้าเป็นบริวาร ฯ
๐ พระอินทร์จึงตอบมินาน  ก่อนเป็นนายบ้าน
ชื่อว่าหรตาลเศรษฐี ฯ
๐ ได้ให้ทานจำศีลด้วยดี  สร้างกุศลอันมี
เชื่อทั้งคุณแก้วสามประการ ฯ  ฉัน* ฯ


กาพย์ยานี ๑๑
๐ เศรษฐีน้ันมีศรัทธา                  ในศาสนาเป็นแก่นสาร
ต้ังใจบำเพ็ญทาน                       ของตระการเอนกไป ฯ
๐ ตักบาตรไม่ขาดวัน                  แต่งจังหันของฉันไว้
พระสงฆ์โคจรไป                        เอาใจใส่ไมขาดเว้น ฯ
๐ ถวายเครื่องใช้แลเสื่อสาด      เครื่องปูลาดสารพัน
กลางคืนแลกลางวัน                  เอาใจใส่ทุกเวลา ฯ
๐ ครั้นแล้วสมาทาน                   ศีลห้าประการหมั่นรักษา
เป็นนิตย์เป็นอัตรา                     มิได้ขาดแต่สักวัน ฯ
๐ คร้ันถึงวันแปดค่ำ                   สิบห้าค่ำเข้าด้วยพลัน
นิมนต์พระสงฆ์ฉัน                     แต่งจังหันอันโอชา ฯ
๐ ตักบาตรอังคาสถวาย            ของทั้งหลายมีนานา
ศีลแปดหมั่นรักษา                    เป็นนิตย์มาทุกราตรี ฯ
๐ เศรษฐีมีกรุณา                       แก่สมณะแลพราหมณ์ชี
ยากจนอันมากมี                       ของจำแนกแจกให้ทาน ฯ
๐ มิได้มีใจตระหนี่                    จิตยินดีทุกประการ
ทำบุุญแล้วชื่นบาน                   ศรัทธาในศาสนา ฯ  เชิด *ฯ

กายพ์ฉบัง ๑๖
๐ เศรษฐีน้ันศรัทธายิ่งยง       ปฎิบัติพระสงฆ์
ถ้วนทุกสิ่งเป็นอันดี ฯ
๐ แล้วถวายเภสัช                  อัฎฐบาลอันมี
แก่นางภิกษุณีสามเณรและสงฆ์ ฯ
๐ ถวายเครื่องสารพัดบรรจง  สร้างรูปพุทธองค์
ขอประสบพบพระเมตไตรย ฯ
๐ ผู้ไดอาพาธแล้วเอาใจใส่   ผู้ใดเข็ญใจ
บ่มิได้ขัดทุกสถาน ฯ
๐ เศรษฐีน้ันให้ยาเป็นทาน   ข้าวน้ำอาหาร
ให้ทั้งสบงและจีวร ฯ
๐ ได้ล้วนนางเทพอัปสร       สามหมื่นงามสลอน
เพราะให้ทานข้าวน้ำและยา ฯ
๐ เทพน้ันจึงเสด็จเข้ามา      กราบไหว้วันทา
พระมหาเจดีย์บวร ฯ
๐ ทักษิณแปดทิศเดินจร     ด้วยนางอัปสร
แล้วก็นั้งเรียงกันไป ฯ

*  คำว่า ฉัน  เชิด เข้าใจว่าบอกการบรรเลงเพลงปี่พาทย์เมื่อสวดจบ




วันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2558

กาพย์พระมาลัย (๙)




กาพย์ยานี ๑๑

๐ เมื่อน้ันพระมาลัย             ได้ฟังอินทร์เธอแถลงถวาย
จึงถามอภิปราย                   ซึ่งอินทราใจกุศล ฯ
๐ ดูก่อนท้าวอินทรา            เทพเทวาในเบื้องบน
มาไหว้ธาตุทั้่วทุกตน           เป็นสุขรื่ืนชื่นชูใจ ฯ
๐ ไมตรีพระโพฺธิสัตว์            ท่านยังเสด็จหรือฉันใด
นมัสการพระธาตุไซร้           พระศรีอารย์ยังมาหรือ ฯ
๐ พระศรีอารย์ใจสุทธิ์          หน่อพระพุทธอันเลื่องลือ
ท่านนั้นยังมาหรือ                หรือเสด็จอยู่ในวิมาน ฯ
๐ อินทราจึงขานตอบ          โดยระบอบชอบโวหาร
พระเจ้าพระศรีอารย์             อย่าพักว่าไปใยเลย ฯ
๐ ไมตรีท่านดีนัก                 ย่อมเสด็จมา ณะ หัวเอ๋ย
พระเณรอย่าถามเลย           พระศรีอารย์ท่านเสด็จมา ฯ
๐ พระมาลัยเจ้าจึงถาม        ด้วยคำงามเผยวาจา
พระศรีอารย์หน่อศาสดา      เคยเสด็จมา ณวันใด ฯ
๐ เธอจะมาในวันนี้               หรือจะมาวันอื่นใด
รูปใคร่รู้ใคร่แจ้งใจ               ใคร่ชมบุญพระศรีอารย์ ฯ
๐ อินทรายกมือไหว้            พระมาลัยบอกอาการ
อันองค์พระศรีอารย์             ย่อมมาไวห้พระเจดีย์ ฯ
๐ สิบสี่ค่ำสิบห้าค่ำ              และแปดค่ำดั่งวันนี้
พระศรีอารย์ไมตรี                มาไหว้พระเป็นธรรมดา ฯ
๐ พระศรีอารย์ไมตรี            ก้มกราบไหว้วันทนา
ไหว้แล้วเสด็จเทศนา          ตูข้าฟังเพราะวังเวง ฯ
๐ อรรถาธิบายธรรม์            พระองค์นั้นเทศนาเอง
เสียงเสนาะเพราะครื้นเครง ฝูงเทพฟังก็ยินดี ฯ
๐ เมื่อนั้นพระมาลัย             เธอจึงถามท่้าวโกสีย์
วันนี้วันอัฎฐมี                      ท่านจะมาหรือกลใด ฯ
๐เออพ่อท่านจะมา             มหาเถรอย่าร้อนใจ
หน่อยหนึ่งพระเมตไตรย    ท่านจะมาถึงสถาน ฯ
๐ พระเถรแลอินทรา           กล่าววาจามิทันนาน
เทพหนึ่งมีบริวาร                ได้ร้อยหนึ่งจึงเสด็จมา ฯ
๐ พระเถรทอดตาเห็น         จึงถามท้าวอัมรินทรา
มาโน้นงามโสภา                นั่นแล้วหรือพระศรีอารย์ ฯ
๐ อินทราจึ่งกล่าวแก้          โดยเที่ยงแท้มิทันนาน
ใช่องค์พระศรีอารย์             ผู้เป้นเจ้าอันเลิศไตร ฯ
๐ พระเถรท่านจึงถาม         ท่านผู้นั้นคือองค์ใคร
ทำบุญสิ่งอันใด                  มีบริวารงามโสภา ฯ
๐ ข้าแต่พระมหาเถร           เทพผู้นี้ผู้อื่นนา
ใช่หน่อพระศาสดา             ใช่หน่อพระศรีอารย์ ฯ
๐ พระเถรจึงถามเล่า           ท่านผู้นี้มีสมภาร
ประกอบด้วยบริวาร             ทำบุญใดเมื่อเป็นคน ฯ
๐ ข้าแต่มหาเถร                  ข้าจะบอกซึ่งกุศล
เทพนี้เมื่อเป็นคน                ยากอับจนไร้เข็ญใจ ฯ
๐ เกี่ยวหญ้ามาขายกิน       ตามระบอบโลกวิสัย
ห่อข้าวผอกตะพายไป       เพื่อจะกินเลี้ยงอาตมา ฯ
๐ ชายนั้นปั้นก้อนข้าว        ก้อนหนึ่งเล่าให้ทานกา
ด้วยจิตคิดกรุณา                แก่ตัวกาอันอัปรีย์ ฯ
๐ เมื่อจะตายระลึกได้        ถึงบุญนั้นก็ยินดี
จึงได้เกิดมาหากมี             วิมานทิพย์ในเมืองฟ้า ฯ
๐ ผู้ใดได้ให้ข้าว                แก่เดรัจฉานคือนกกา
ด้วยใจใสศรัทธา               อันยินดีเชื่อคุณทาน ฯ
๐ ผลบุญนั้นแต่งให้          ได้นางฟ้าเป็นบริวาร
มีสาวสวรรค์อันสคราญ     ได้ร้อยหนึ่งหน้านาลศรี ฯ
๐ เทพนั้นเธอเสด็จมา       ถวายวันทาพระเจดีย์
ด้วยชาวแม่นางสาวศรี      ย่อมมีรูปอันโสภา ฯ
๐ ถวายธูปแลเทียนทอง   ดอกไม้กรองแล้วบูชา
ถวายแล้วก็ออกมา           นั่งในทิศอุดรนั้น ฯ
๐ บัดนั้นมิทันนาน             เทพผู้หนึ่งจึ่งมาพลัน
บริวารถ้วนถึงพัน               เพื่อจะไหว้พระเจดีย์ ฯ
๐ บริวารย่อมสาวหนุ่ม      หน้าชวยชุ่มงามมีศรี
รุ่งเรืองด้วยรัศมี                สีช่วงโชติเสด็จมา ฯ
๐ มหาเถรทอดตาไป        เห็นเทพไท้เสด็จมา
จึ่งถามท้าวอินทรา            จะใคร่แจ้งรู้แก่ใจ ฯ
๐ มานั้นดูชัชวาล               พระศรีอารย์หรือองค์ใด
มีชาวแม่งามไสว               สพรึบพร้อมล้อมกันมา ฯ
๐ พระอินทร์บอกมิใช่        พระมาลัยว่าใครมา
ที่มาน้ันดูโสภา                 มีรัศมีสีแสงใส ฯ
๐ อินทราว่าผู้อื่น              พระเถรถามว่าคือใคร
ได้ทำบุญนั้นชื่อใด           นางจึงล้อมเป็นบริวาร ฯ
๐ เมื่อนั้นท้าวโกสีย์          กล่าวคดีตอบมินาน
เทพนั้นเป็นโคบาล           บ่าวหนุ่มน้อยไปเลี้ยงวัว ฯ
๐ เมื่อจะกินซึ่งข้าวผอก   แบ่งแล่งออกไว้ส่วนตัว
ส่วนหนึ่งให้เด็กเลี้ยงวัว   อันเป็นเพื่อนเลี้ยงด้วยกัน ฯ
๐ ผลบุญใด้ให้ข้าว           เด็กเลี้ยงวัวเป็นเพื่อนนั้น
บริวารถ้วนถึงพัน              งามแน่งน้อยหน้านวลศรี ฯ
๐ แห่ห้อมล้อมกันมา        เพื่อวันทาพระเจดีย์
บริวารหนึ่งพันมี                เพราะให้ข้าวเด็กโคบาล ฯ
๐ ผู้ใดได้ให้ข้าว               แก่คฤหัสถ์อันเป็นทาน
ได้นางสวรรค์อันสคราญ  พันหนึ่งล้อมพร้อมไสว ฯ
๐ ผู้ใดได้ให้ข้าว               แก่คฤหัสถ์ทรงวินัย
บริวารยิ่งขึ้นไป                ด้วยศรัทธาอันตรึกตรอง ฯ
๐ เทพนั้นเสด็จเข้ามา     ถวายวันทาธูปเทียนทอง
ด้วยชาวแม่นางทั้งผอง   ถ้วนแปดทิศเป็นบูชา ฯ
๐ ทักษิณสามรอบแล้ว    ออกมานั่งในฐานา
ฝ่ายข้างปัจฉิมทิศา         เป็นกำหนดในสถาน ฯ
๐ ยังมีเทพองค์อื่น          นางถ้วนหมื่นเป็นบริวาร
เสด็จมาสุขสำราญ          เพื่อจะไหว้พระเจดีย์ ฯ
๐ พระเถรจึงถามพลัน    เทพผู้นั้นเรืองรูจี
พระศรีอารย์ไมตรี           โพธิสัตว์หรือฉันใด ฯ
๐ พระอินทร์จึงแถลง      บอกให้แจ้งตระบัดใจ
ใช่องค์พระเมตไตรย      ใช่พระเจ้าศรีอารย์ ฯ
๐ พระเถรจึงถามพลัน    เทพผู้นั้นมีบริวาร
เมื่อก่อนสร้างสมภาร     เป็นกุศลผลชื่อใด ฯ
๐ อินทราบอกให้แจ้ง    แถลงยุบลกุศลไป
เทพนี้เมื่อก่อนไซร้        ฝ่ายกุศลย่อมแจ้งเจน ฯ
๐ ใจดีบ่มิเศร้า               ได้ให้ข้าวแก่เจ้าเณร
ทั้งกายก็อ่อนเอน          ศรัทธาเชื่อในศาสนา ฯ
๐ เดชะบุญให้ทานข้าว  แก่เจ้าเณรด้วยศรัทธา
สิ้นชีวิตได้เกิดมา          ในเมืองฟ้าสุขสำราญ ฯ
๐ นางสวรรค์หมื่นหนึ่่งล้อม  ตามแห่ห้อมเป็นบริวาร
สาวสวรรค์อันสะคราญ         ด้วยให้ทานเป็นกุศล ฯ
๐ ผู้ใดได้ให้ข้าว                   แก่เจ้าเณรปุถุชน
เทพนั้นจึ่งได้ผล                   นางหมื่นหนึ่งเป็นบริวาร ฯ
๐ บุญนั้นจึงตามติด              ทั้่วทุกทิศตราบนิพพาน
ด้วยเดชะอันให้ทาน             ได้บริวารหมื่นหนึ่งมี ฯ
๐ เทพน้ันก็เข้ามา                 ไหว้บูชาพระเจดีย์
ด้วยชาวแม่แลสาวศรี            อันเป็นยศบริวาร ฯ
๐ ไหว้แล้วทั้งแปดทิศ           ออกมานั้นในสถาน
ทักษิณแล้วอยู่สำราญ           ตามกำหนดตำแหน่งตน ฯ  เชิด  ฯ

*เชิด  เข้าใจว่าบอกบรรเลงเพลงปี่พาทย์เมื่อจบตอน







วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2558

กาพย์พระมาลัย (๘)









 กาพย์ร่ายไม้  ๓๒

๐ เมื่อนั้นอินทรา              จึงว่าถามไป
พระมาแต่ไหน                 มาถึงเมืองสวรรค์
ข้าพระขอถาม                 จงบอกข้าพลัน
มาถึงเมืองสวรรค์            เพื่อเอาอันใด ฯ
๐ เมื่อนั้นพระเถร             จึงบอกทันใด
ตามอัชฌาสัย                 อันเธอขึ้นมา
เรานำดอกไม้                  มาถวายบูชา
เพื่อจะวันทา                   พระเจดีย์จอมธรรม ฯ
๐ พระเถรจึงถาม             เจดีย์ใครทำ
อินทรารับคำ                   ข้าพเจ้ารจนา
ข้ากระทำไว้                    เพื่อไหว้บูชา
แก่เทพเทวา                   อันอยู่เมืองสวรรค์ ฯ
๐ ข้าทำด้วยแก้ว             อินทนิลมีพรรณ
จุพระเกศนั้น                   เขี้ยวแก้วทศพล
พระเถรจึงว่า                   เทวาถ้วนตน
ได้ทำกุศล                      แต่อยุู่เมืองดิน ฯ
๐ จึงได้เสวยสุข              เป็นพรหมเป็นอินทร์
จะนั่งอยูํ่กิน                     เพราะบุญแห่งตน
ดังฤาเป็นเทพ                 ยังทำกุศล
จะสืบแผ่ผล                   ไปเล่าเยียใด ฯ
๐ อันจะนั่งอยู่กิน             ผลก่อนเป็นไร
ดังฤาสร้างไป                  ให้ยากแก่ตน
อินทราจึงไหว้                 พระเถรบัดดล
จึงกล่าวยุบล                   ให้แจ้งที่ถาม ฯ
๐ ข้าแต่พระเถร               เป็นเจ้าใจงาม
พระเจ้าไถ่ถาม                ข้าขอแถลงถวาย
เมื่อเป็นเทวา                   ด้วยกันทั้งหลาย
ลางเทพหญิงชาย           บุญน้อยเดียวไป ฯ
๐ มาอยู่่ในสวรรค์            บ่มิทันเท่าใด
จะกลับลงไป                  ในโลกโลกา
ประดุจดั่งคน                   ทำไร่ไถนา
ได้ข้าวเอกา                    ทะนานเดียวน้อยไป ฯ
๐ เอาไปใส่ไว้                 ในยุ้งอันใด
บ่มิได้เท่าใด                   หมดสิ้นบ่มินาน
เทวาบางองค์                  บุญมากโอฬาร
มาอยู่ได้นาน                   บนสวรรค์เป็นเสถียร ฯ
๐ ประดุจดังคน               มีข้าวหลายเกวียน
เก็บไว้สังเวียน                ยุ้งฉากอนันต์
ผู้นั้นได้กิน                      หลายปีหลายวัน
เพราะข้าวมากครัน         บ่มิเป็นกังวล ฯ
๐ อันนี้อุปมา                  ดั่งเทพเบื้องบน
มีบุญแผ่ผล                    ยืนนานเหลือหลาย
อุปมาผู้หนึ่ง                   ข้าวน้อยเดี่ยวดาย
รู้ศิลป์มากมาย               มีคุณปัญญา ฯ
๐ ผู้นั้นค้าขาย               ขนขวายไร่นา
ได้เลี้ยงอาตมา             บ่มิตกเข็ญใจ
เมื่อมีข้าวน้อย               รู้ศิลป์อื่นไซร้
ทำการสืบไป                 บ่มิได้ขาดสาย ฯ
๐ เร่งทำไร่นา                เร่งค้าเร่งขาย
ภายหลังมากมาย          ทร้พย์สินมากมี
ดั่งนี้อุปมา                     ดั่งเทพาโลกนี้
แม้นถึงว่ามี                   บุญน้ันเท่าใด ฯ
๐ หมั่นทำบุญเล่า          สืบสืบขึ้นไป
ภายหลังสุขได้              มีบุญเหลือหลาย
อุปมาผู้หนึ่ง                  มีข้าวมากมาย
บ่มิขวนขวาย                ทำสิ่งอันใด ฯ
๐ บ่มิค้าขาย                 ไร่นาสืบไป
จะตกเข็ญใจ                 โหดไร้นักหนา
อุปมาดั่งเทพ                ในฉ้อกามา
ได้สร้างบุญมา              น้อยหนึ่งบ่มิครัน ฯ
๐ บ่มิได้ก่อเริ่ม              เพิ่มเติบบุญครัน
จะอยู่ในสวรรค์             น้อยหนึ่งแลนา
ผู้หนึ่งมีทรัพย์              มากมายนักหนา
มีความอุุตส่าห์             ค้าขายยิ่งคน ฯ
๐ ยิ่งมั่งมีแล้ว               ยิ่งทำนาผล
ทรัพย์สินแห่งตน         เอนกเหลือหลาม
อันนี้อุปมา                   ดั่งคนใจงาม
ทำบุญเกิบขาม            ได้เกิดในสวรรค์ ฯ
๐ ผู้นั้นอยู่สวรรค์          เร่งได้ฟังธรรม์
ผู้อยู่ในสวรรค์              เร่งได้บูชา
ได้ถวายธูปเทียน        ดอกไม้มณฑา
พระเกศจุฬา               เจดีย์สถาน ฯ
๐ ผู้นั้นจะอยู่               ในสวรรค์ยืนนาน
เพราะบุญสมภาร        จะค้ำชูตน
ไม่เกิดไม่ตาย             เวียนว่ายเวียนวน
สำเร็จเบื้องบน            สู่ห้องนิพพาน ฯ  เชิด ฯ

คำว่า เชิด  เข้าใจว่าบอกการบรรเลงเพลงปี่พาทย์เมื่อสวดจบตอน