กาพย์ฉบัง ๑๖
๐ เทพผู้หนึ่งมาด้วยพลัน บริวารครามครัน
ได้สองหมื่นห้อมล้อมกันมา ฯ
๐ มาเพื่อจะไหว้วันทา พระมาลัยทอดตา
เห็นถามท้าวโกสีย์มินาน ฯ
๐ มานั่นหรือคือพระศรีอารย์ ผู้มีสมภาร
หน่อพุทธางกูรเจ้าหรือฉันใด ฯ
๐ พระอินทร์จึงขานตอบไป มานั้นมิใช่
องค์พระเจ้าพระศรีอารย์ ฯ
๐ พระเถรจึงเผยโวหาร ถามท่านมัฆวาน
ว่าเทพนั้นคือองค์ใด ฯ
๐ ได้สร้างกุศลนั้นชื่อใด มีบริวารไสว
แต่ล้วนงามงามทุกตน ฯ
๐ พระอินทร์จึ่งชี้ช่องกุศล เทพนั้นเป็นคน
ได้ตักบาตรน้อยหนึ่งทีเดียว ฯ
๐ แก่ภิกษุอันเดินเที่ยว บิณฑบาตมิเหลียว
ประกอบด้วยศีลาจารย์ ฯ
๐ ผู้ใดตักบาตรเป็นทาน แก่ภิกษุศีลาจารย์
อันบิณฑบาตในสถานหนทาง ฯ
๐ ผู้นั้นได้บริวารล้วนนาง ประดับต่างต่าง
ล้วนมีรูปโฉมโนมพรรณ ฯ
๐ เทพนั้นเสด็จเข้ามาพลัน ถวายธูปเทียนสุวรรณ
แก่พระธาตุจุฬามณี ฯ
๐ ไหว้ทั้งแปดทิศด้วยดี ด้วยนางสาวศรี
มานั้งในที่อันดับน้ันไป ฯ
๐ เทพผู้หนึ่งมาบัดใจ บริวารสามหมื่นไสว
สะพรึบพร้อมล้อมกันมา ฯ
๐ มาเพื่อจะไหว้วันทา พระเถรทัศนา
เธอจึงถามท้าวมัฆวาน ฯ
๐ มานั้นหรือคือพระศรีอารย์ พระอินทร์จึ่งขาน
ว่ามิใช่พระเมตไตรย ฯ
๐ พระเถรถามว่าคือใคร พระอินทร์ขานไข
ว่ามิใช่พระศรีอารย์ ฯ
๐ คือว่ามหาราชสมภาร แต่ก่อนโพ้นนาน
เทพนั้นสร้างกุศลชื่อใด ฯ
๐ จึ่งมีรัศมีสดใส ทำบุญชื่อใด
จึ่งมีนางฟ้าเป็นบริวาร ฯ
๐ พระอินทร์จึงตอบมินาน ก่อนเป็นนายบ้าน
ชื่อว่าหรตาลเศรษฐี ฯ
๐ ได้ให้ทานจำศีลด้วยดี สร้างกุศลอันมี
เชื่อทั้งคุณแก้วสามประการ ฯ ฉัน* ฯ
กาพย์ยานี ๑๑
๐ เศรษฐีน้ันมีศรัทธา ในศาสนาเป็นแก่นสาร
ต้ังใจบำเพ็ญทาน ของตระการเอนกไป ฯ
๐ ตักบาตรไม่ขาดวัน แต่งจังหันของฉันไว้
พระสงฆ์โคจรไป เอาใจใส่ไมขาดเว้น ฯ
๐ ถวายเครื่องใช้แลเสื่อสาด เครื่องปูลาดสารพัน
กลางคืนแลกลางวัน เอาใจใส่ทุกเวลา ฯ
๐ ครั้นแล้วสมาทาน ศีลห้าประการหมั่นรักษา
เป็นนิตย์เป็นอัตรา มิได้ขาดแต่สักวัน ฯ
๐ คร้ันถึงวันแปดค่ำ สิบห้าค่ำเข้าด้วยพลัน
นิมนต์พระสงฆ์ฉัน แต่งจังหันอันโอชา ฯ
๐ ตักบาตรอังคาสถวาย ของทั้งหลายมีนานา
ศีลแปดหมั่นรักษา เป็นนิตย์มาทุกราตรี ฯ
๐ เศรษฐีมีกรุณา แก่สมณะแลพราหมณ์ชี
ยากจนอันมากมี ของจำแนกแจกให้ทาน ฯ
๐ มิได้มีใจตระหนี่ จิตยินดีทุกประการ
ทำบุุญแล้วชื่นบาน ศรัทธาในศาสนา ฯ เชิด *ฯ
กายพ์ฉบัง ๑๖
๐ เศรษฐีน้ันศรัทธายิ่งยง ปฎิบัติพระสงฆ์
ถ้วนทุกสิ่งเป็นอันดี ฯ
๐ แล้วถวายเภสัช อัฎฐบาลอันมี
แก่นางภิกษุณีสามเณรและสงฆ์ ฯ
๐ ถวายเครื่องสารพัดบรรจง สร้างรูปพุทธองค์
ขอประสบพบพระเมตไตรย ฯ
๐ ผู้ไดอาพาธแล้วเอาใจใส่ ผู้ใดเข็ญใจ
บ่มิได้ขัดทุกสถาน ฯ
๐ เศรษฐีน้ันให้ยาเป็นทาน ข้าวน้ำอาหาร
ให้ทั้งสบงและจีวร ฯ
๐ ได้ล้วนนางเทพอัปสร สามหมื่นงามสลอน
เพราะให้ทานข้าวน้ำและยา ฯ
๐ เทพน้ันจึงเสด็จเข้ามา กราบไหว้วันทา
พระมหาเจดีย์บวร ฯ
๐ ทักษิณแปดทิศเดินจร ด้วยนางอัปสร
แล้วก็นั้งเรียงกันไป ฯ
* คำว่า ฉัน เชิด เข้าใจว่าบอกการบรรเลงเพลงปี่พาทย์เมื่อสวดจบ
๐ เศรษฐีน้ันมีศรัทธา ในศาสนาเป็นแก่นสาร
ต้ังใจบำเพ็ญทาน ของตระการเอนกไป ฯ
๐ ตักบาตรไม่ขาดวัน แต่งจังหันของฉันไว้
พระสงฆ์โคจรไป เอาใจใส่ไมขาดเว้น ฯ
๐ ถวายเครื่องใช้แลเสื่อสาด เครื่องปูลาดสารพัน
กลางคืนแลกลางวัน เอาใจใส่ทุกเวลา ฯ
๐ ครั้นแล้วสมาทาน ศีลห้าประการหมั่นรักษา
เป็นนิตย์เป็นอัตรา มิได้ขาดแต่สักวัน ฯ
๐ คร้ันถึงวันแปดค่ำ สิบห้าค่ำเข้าด้วยพลัน
นิมนต์พระสงฆ์ฉัน แต่งจังหันอันโอชา ฯ
๐ ตักบาตรอังคาสถวาย ของทั้งหลายมีนานา
ศีลแปดหมั่นรักษา เป็นนิตย์มาทุกราตรี ฯ
๐ เศรษฐีมีกรุณา แก่สมณะแลพราหมณ์ชี
ยากจนอันมากมี ของจำแนกแจกให้ทาน ฯ
๐ มิได้มีใจตระหนี่ จิตยินดีทุกประการ
ทำบุุญแล้วชื่นบาน ศรัทธาในศาสนา ฯ เชิด *ฯ
กายพ์ฉบัง ๑๖
๐ เศรษฐีน้ันศรัทธายิ่งยง ปฎิบัติพระสงฆ์
ถ้วนทุกสิ่งเป็นอันดี ฯ
๐ แล้วถวายเภสัช อัฎฐบาลอันมี
แก่นางภิกษุณีสามเณรและสงฆ์ ฯ
๐ ถวายเครื่องสารพัดบรรจง สร้างรูปพุทธองค์
ขอประสบพบพระเมตไตรย ฯ
๐ ผู้ไดอาพาธแล้วเอาใจใส่ ผู้ใดเข็ญใจ
บ่มิได้ขัดทุกสถาน ฯ
๐ เศรษฐีน้ันให้ยาเป็นทาน ข้าวน้ำอาหาร
ให้ทั้งสบงและจีวร ฯ
๐ ได้ล้วนนางเทพอัปสร สามหมื่นงามสลอน
เพราะให้ทานข้าวน้ำและยา ฯ
๐ เทพน้ันจึงเสด็จเข้ามา กราบไหว้วันทา
พระมหาเจดีย์บวร ฯ
๐ ทักษิณแปดทิศเดินจร ด้วยนางอัปสร
แล้วก็นั้งเรียงกันไป ฯ
* คำว่า ฉัน เชิด เข้าใจว่าบอกการบรรเลงเพลงปี่พาทย์เมื่อสวดจบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น