วันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2558

กาพย์พระมาลัย (๙)




กาพย์ยานี ๑๑

๐ เมื่อน้ันพระมาลัย             ได้ฟังอินทร์เธอแถลงถวาย
จึงถามอภิปราย                   ซึ่งอินทราใจกุศล ฯ
๐ ดูก่อนท้าวอินทรา            เทพเทวาในเบื้องบน
มาไหว้ธาตุทั้่วทุกตน           เป็นสุขรื่ืนชื่นชูใจ ฯ
๐ ไมตรีพระโพฺธิสัตว์            ท่านยังเสด็จหรือฉันใด
นมัสการพระธาตุไซร้           พระศรีอารย์ยังมาหรือ ฯ
๐ พระศรีอารย์ใจสุทธิ์          หน่อพระพุทธอันเลื่องลือ
ท่านนั้นยังมาหรือ                หรือเสด็จอยู่ในวิมาน ฯ
๐ อินทราจึงขานตอบ          โดยระบอบชอบโวหาร
พระเจ้าพระศรีอารย์             อย่าพักว่าไปใยเลย ฯ
๐ ไมตรีท่านดีนัก                 ย่อมเสด็จมา ณะ หัวเอ๋ย
พระเณรอย่าถามเลย           พระศรีอารย์ท่านเสด็จมา ฯ
๐ พระมาลัยเจ้าจึงถาม        ด้วยคำงามเผยวาจา
พระศรีอารย์หน่อศาสดา      เคยเสด็จมา ณวันใด ฯ
๐ เธอจะมาในวันนี้               หรือจะมาวันอื่นใด
รูปใคร่รู้ใคร่แจ้งใจ               ใคร่ชมบุญพระศรีอารย์ ฯ
๐ อินทรายกมือไหว้            พระมาลัยบอกอาการ
อันองค์พระศรีอารย์             ย่อมมาไวห้พระเจดีย์ ฯ
๐ สิบสี่ค่ำสิบห้าค่ำ              และแปดค่ำดั่งวันนี้
พระศรีอารย์ไมตรี                มาไหว้พระเป็นธรรมดา ฯ
๐ พระศรีอารย์ไมตรี            ก้มกราบไหว้วันทนา
ไหว้แล้วเสด็จเทศนา          ตูข้าฟังเพราะวังเวง ฯ
๐ อรรถาธิบายธรรม์            พระองค์นั้นเทศนาเอง
เสียงเสนาะเพราะครื้นเครง ฝูงเทพฟังก็ยินดี ฯ
๐ เมื่อนั้นพระมาลัย             เธอจึงถามท่้าวโกสีย์
วันนี้วันอัฎฐมี                      ท่านจะมาหรือกลใด ฯ
๐เออพ่อท่านจะมา             มหาเถรอย่าร้อนใจ
หน่อยหนึ่งพระเมตไตรย    ท่านจะมาถึงสถาน ฯ
๐ พระเถรแลอินทรา           กล่าววาจามิทันนาน
เทพหนึ่งมีบริวาร                ได้ร้อยหนึ่งจึงเสด็จมา ฯ
๐ พระเถรทอดตาเห็น         จึงถามท้าวอัมรินทรา
มาโน้นงามโสภา                นั่นแล้วหรือพระศรีอารย์ ฯ
๐ อินทราจึ่งกล่าวแก้          โดยเที่ยงแท้มิทันนาน
ใช่องค์พระศรีอารย์             ผู้เป้นเจ้าอันเลิศไตร ฯ
๐ พระเถรท่านจึงถาม         ท่านผู้นั้นคือองค์ใคร
ทำบุญสิ่งอันใด                  มีบริวารงามโสภา ฯ
๐ ข้าแต่พระมหาเถร           เทพผู้นี้ผู้อื่นนา
ใช่หน่อพระศาสดา             ใช่หน่อพระศรีอารย์ ฯ
๐ พระเถรจึงถามเล่า           ท่านผู้นี้มีสมภาร
ประกอบด้วยบริวาร             ทำบุญใดเมื่อเป็นคน ฯ
๐ ข้าแต่มหาเถร                  ข้าจะบอกซึ่งกุศล
เทพนี้เมื่อเป็นคน                ยากอับจนไร้เข็ญใจ ฯ
๐ เกี่ยวหญ้ามาขายกิน       ตามระบอบโลกวิสัย
ห่อข้าวผอกตะพายไป       เพื่อจะกินเลี้ยงอาตมา ฯ
๐ ชายนั้นปั้นก้อนข้าว        ก้อนหนึ่งเล่าให้ทานกา
ด้วยจิตคิดกรุณา                แก่ตัวกาอันอัปรีย์ ฯ
๐ เมื่อจะตายระลึกได้        ถึงบุญนั้นก็ยินดี
จึงได้เกิดมาหากมี             วิมานทิพย์ในเมืองฟ้า ฯ
๐ ผู้ใดได้ให้ข้าว                แก่เดรัจฉานคือนกกา
ด้วยใจใสศรัทธา               อันยินดีเชื่อคุณทาน ฯ
๐ ผลบุญนั้นแต่งให้          ได้นางฟ้าเป็นบริวาร
มีสาวสวรรค์อันสคราญ     ได้ร้อยหนึ่งหน้านาลศรี ฯ
๐ เทพนั้นเธอเสด็จมา       ถวายวันทาพระเจดีย์
ด้วยชาวแม่นางสาวศรี      ย่อมมีรูปอันโสภา ฯ
๐ ถวายธูปแลเทียนทอง   ดอกไม้กรองแล้วบูชา
ถวายแล้วก็ออกมา           นั่งในทิศอุดรนั้น ฯ
๐ บัดนั้นมิทันนาน             เทพผู้หนึ่งจึ่งมาพลัน
บริวารถ้วนถึงพัน               เพื่อจะไหว้พระเจดีย์ ฯ
๐ บริวารย่อมสาวหนุ่ม      หน้าชวยชุ่มงามมีศรี
รุ่งเรืองด้วยรัศมี                สีช่วงโชติเสด็จมา ฯ
๐ มหาเถรทอดตาไป        เห็นเทพไท้เสด็จมา
จึ่งถามท้าวอินทรา            จะใคร่แจ้งรู้แก่ใจ ฯ
๐ มานั้นดูชัชวาล               พระศรีอารย์หรือองค์ใด
มีชาวแม่งามไสว               สพรึบพร้อมล้อมกันมา ฯ
๐ พระอินทร์บอกมิใช่        พระมาลัยว่าใครมา
ที่มาน้ันดูโสภา                 มีรัศมีสีแสงใส ฯ
๐ อินทราว่าผู้อื่น              พระเถรถามว่าคือใคร
ได้ทำบุญนั้นชื่อใด           นางจึงล้อมเป็นบริวาร ฯ
๐ เมื่อนั้นท้าวโกสีย์          กล่าวคดีตอบมินาน
เทพนั้นเป็นโคบาล           บ่าวหนุ่มน้อยไปเลี้ยงวัว ฯ
๐ เมื่อจะกินซึ่งข้าวผอก   แบ่งแล่งออกไว้ส่วนตัว
ส่วนหนึ่งให้เด็กเลี้ยงวัว   อันเป็นเพื่อนเลี้ยงด้วยกัน ฯ
๐ ผลบุญใด้ให้ข้าว           เด็กเลี้ยงวัวเป็นเพื่อนนั้น
บริวารถ้วนถึงพัน              งามแน่งน้อยหน้านวลศรี ฯ
๐ แห่ห้อมล้อมกันมา        เพื่อวันทาพระเจดีย์
บริวารหนึ่งพันมี                เพราะให้ข้าวเด็กโคบาล ฯ
๐ ผู้ใดได้ให้ข้าว               แก่คฤหัสถ์อันเป็นทาน
ได้นางสวรรค์อันสคราญ  พันหนึ่งล้อมพร้อมไสว ฯ
๐ ผู้ใดได้ให้ข้าว               แก่คฤหัสถ์ทรงวินัย
บริวารยิ่งขึ้นไป                ด้วยศรัทธาอันตรึกตรอง ฯ
๐ เทพนั้นเสด็จเข้ามา     ถวายวันทาธูปเทียนทอง
ด้วยชาวแม่นางทั้งผอง   ถ้วนแปดทิศเป็นบูชา ฯ
๐ ทักษิณสามรอบแล้ว    ออกมานั่งในฐานา
ฝ่ายข้างปัจฉิมทิศา         เป็นกำหนดในสถาน ฯ
๐ ยังมีเทพองค์อื่น          นางถ้วนหมื่นเป็นบริวาร
เสด็จมาสุขสำราญ          เพื่อจะไหว้พระเจดีย์ ฯ
๐ พระเถรจึงถามพลัน    เทพผู้นั้นเรืองรูจี
พระศรีอารย์ไมตรี           โพธิสัตว์หรือฉันใด ฯ
๐ พระอินทร์จึงแถลง      บอกให้แจ้งตระบัดใจ
ใช่องค์พระเมตไตรย      ใช่พระเจ้าศรีอารย์ ฯ
๐ พระเถรจึงถามพลัน    เทพผู้นั้นมีบริวาร
เมื่อก่อนสร้างสมภาร     เป็นกุศลผลชื่อใด ฯ
๐ อินทราบอกให้แจ้ง    แถลงยุบลกุศลไป
เทพนี้เมื่อก่อนไซร้        ฝ่ายกุศลย่อมแจ้งเจน ฯ
๐ ใจดีบ่มิเศร้า               ได้ให้ข้าวแก่เจ้าเณร
ทั้งกายก็อ่อนเอน          ศรัทธาเชื่อในศาสนา ฯ
๐ เดชะบุญให้ทานข้าว  แก่เจ้าเณรด้วยศรัทธา
สิ้นชีวิตได้เกิดมา          ในเมืองฟ้าสุขสำราญ ฯ
๐ นางสวรรค์หมื่นหนึ่่งล้อม  ตามแห่ห้อมเป็นบริวาร
สาวสวรรค์อันสะคราญ         ด้วยให้ทานเป็นกุศล ฯ
๐ ผู้ใดได้ให้ข้าว                   แก่เจ้าเณรปุถุชน
เทพนั้นจึ่งได้ผล                   นางหมื่นหนึ่งเป็นบริวาร ฯ
๐ บุญนั้นจึงตามติด              ทั้่วทุกทิศตราบนิพพาน
ด้วยเดชะอันให้ทาน             ได้บริวารหมื่นหนึ่งมี ฯ
๐ เทพน้ันก็เข้ามา                 ไหว้บูชาพระเจดีย์
ด้วยชาวแม่แลสาวศรี            อันเป็นยศบริวาร ฯ
๐ ไหว้แล้วทั้งแปดทิศ           ออกมานั้นในสถาน
ทักษิณแล้วอยู่สำราญ           ตามกำหนดตำแหน่งตน ฯ  เชิด  ฯ

*เชิด  เข้าใจว่าบอกบรรเลงเพลงปี่พาทย์เมื่อจบตอน







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น