ภาคพระศรีอารย์
กาพย์ยานี ๑๑
๐ เมื่อนั้นพระศรีอารย์ มีนงคราญงามไสว
แสนโกฎิสี่อสงไขย แห่ห้อมล้อมพร้อมกันมา ฯ
๐ ฝ่ายหลังได้แสนโกฎิ ฝ่ายหลังโสดดุจเดียวนา
นางน้้นงามโสภา ทั้งไตรภพมิปูนปาน ฯ
๐ เบื้องขวาสร้อยสมโภช นางแสนโกฎิเป็นบริวาร
เบื้องซ้ายพระศรีอารย์ ได้แสนโกฎิล้วนางสวรรค์ ฯ
๐ พระศรีอารย์ไมตรี เสด็จท่ามกลางดั่งพระจันทร์
บริวารย่อมสาวสวรรค์ ประดุจดาวล้อมจันทร ฯ
๐ เบื้องหลังพระศรีอารย์ แสนโกฎิลานเทพอัปสร
รัศมีเครื่องอลังกรณ์ งามบวรรุ่งเรื่องฉาน ฯ
๐ ทั่งสี่ทิศนั้นเล่าโสด เรืองฉายโชติชัชวาล
รัศมีสร้อยอลังการ ยิ่งพระจันทร์วันเพ็ญศรี ฯ
๐ พระมาลัยเจ้าแลเห็น พระศรีอารยะไมตรี
จึงถามท้าวโกสีย์ ด้วยคำเพราะอ่อนเอาใจ ฯ
๐ ท่านน้ันพ้นประมาณ พระศรีอารย์ฤาว่าใคร
พระอินทร์จึงขานไข ว่านั่นแหละพระศรีอารย์ ฯ
๐ พระเถรเห็นเทวา มาก่อนหน้ายิ่งตระการ
ครั้นเห็นพระศรีอารย์ ยิ่งขึ้นไปได้แสนทวี ฯ
๐ ทวยเทพน้ันก็ถอยถด ลดลดลงทุกทุกที
เพราะเห็นพระไมตรี ผู้ประเสริฐเลิศภพไตร ฯ
๐ คุรุวนาดุจผู้หนึ่ง เห็นหิ่งห้อยว่าเรืองใส
คร้ันเห็นพระจันทร์ไซร้ หิ่งห้อยนั้นก็อับสูญ ฯ
๐ อันหนึ่งอุปมา เห็นเทวาว่าสมบรูณ์
คร้ันเห็นพุทธางกูร เทพหมู่น้ันก็หมองศรี ฯ
๐ พระเถรเห็นนางฟ้า มาก่อนหน้าพระไมตรี
จึงถามท้าวโกสีย์ เพื่อจะรู้จักอาการ ฯ
๐ สาวสวรรค์ล้วนนางฟ้า มาก่อนหน้าพระศรีอารย์
ทำบุญสร้างสมภาร ผลชื่อใดในเมืองคน ฯ
๐ พระอินทร์จึงเล่าขาน ถึงนงคราญสร้างกุศล
ให้รู้แจ้งแห่งเหตุผล นางทั้งหลายได้ทำมา ฯ
กาพย์เอกบท ๑๒
๐ นางอันมา ก่อนเบื้องหน้า ก่อนเจ้าฟ้า พระไมตรี ฯ
๐ มีรัศมี เป็นขาวล้วน อาภรณ์ถ้วน ล้วนพรรณขาว ฯ
๐ งามโฉมเฉิด สาวขาวสด งามหมดจด ใครจักปาน ฯ
๐ ได้ทำบุญ สิ่งใดบ้าง แต่ก่อนสร้าง กุศลใด ฯ
๐ จึงเกิดมา ในเมืองฟ้า มีพรรณนา ขาวนิรมล ฯ
๐ ทั้งลำตน สองแขนอ่อน ทรงอาภรณ์ ภักตร์พึงชม ฯ
๐ รุูปอุดม สมทุกสิ่ง เห็นงามยิ่ง เนื้อพรรณขาว ฯ
๐ น่าชื่นชม ชาวมาหน้า ก่อนผ่านฟ้า พระศรีอารย์ ฯ
๐ แก้วประพาฬ มาเทียมเทียบ เอามาเปรียบ มิเหมือนกัน ฯ
๐ รัศมีจันทร์ ได้แสนโกฎิ ดั่งนั้นโสด มิปูนปาน ฯ
๐ ได้ทำทาน ใดแต่ก่อน เนื้อขาวอ่อน ดั่งสำลี ฯ
๐ เราขอถาม ท้าวตรีเนตร จงแจ้งเหตุ แห่งสมภาร ฯ
๐ เมื่อสมเด็จ ท้าวตรีเนตร จะบอกเหตุ แห่งนงคราญ ฯ
๐ สำแดงการ แลบอกเล่า แก่พระเจ้า ชื่อมาลัย ฯ
๐ จึงบอกไป มิทันนาน ซึ่งผลทาน แห่งนางฟ้า ฯ
๐ ไหว้วันทา ขึ้นเหนือเกศ สำแดงเหตุ แห่งกุศล ฯ
๐ นางทั้งหลาย เมื่อก่อนเกิด เอากำเนิด ในเมืองคน ฯ
๐ ทำกุศล จำศีลสร้าง ให้ทานบ้าง ภาวนา ฯ
๐ น้ำมันหอม อันอาบอบ หมอตระหลบ ทั้วทิศา ฯ
๐ ให้อาหาร อันเอมโอช มธุรส อันเจือจาน ฯ
๐ เครื่องตระการ งามทุกสิ่ง เห็นงามยิ่ง ขาวทุกพรรณ ฯ
๐ ให้อาหาร อันขาวสด ทั้งข้าวโพด ขาวครามครัน ฯ
๐ ให้ผ้าดี มีพรรณเลิศ ขาวประเสริฐ ดั่งสีสังข์ ฯ
๐ ให้ทั้งดวง พวงดอกไม้ เครื่องลูบไล้ ย่อมล้วนขาว ฯ
๐ สารพัดขาว แลขาวอ่อน ให้ฟูกหมอน ขาวสดใส ฯ
๐ ทั้งน้ำใจ ก็พรายแพรว ขาวดั่งแก้ว แก้วประพาฬ ฯ
๐ ศรัทธาทาน ใจระรื่น หน้าแช่มชื่น ชมยินดี ฯ
๐ แก่พระศรี สัพพัญญู สมเด็จผู้ หน่อพุทธองค์ ฯ
๐ ผู้ทรงธรรม อันยิ่งยวด ผู้ทรงผนวช บวชเป็นสงฆ์ ฯ
๐ต้ังใจปลง จะขอพบ ขอประสบ พระศรีอารย์ ฯ
๐ จำเริญทาน จำศีลเรียน ศรัทธาเพียร ดั้งภาวนา ฯ
๐ สิ้นชาติมา อยู่เมืองฟ้า อยู่เบื้องหน้า พระศรีอารย์ ฯ
๐ รูปนงคราญ หน้าแน่งน้อย ขาวแช่มช้อย หน้านวลศรี ฯ
๐ มีรัศมี ขาวขาวสด งามหมดจด ทั้วสารพางค์ ฯ
๐ หน้าสำอาง ขาวขาวแจ่ม เจรจาแย้ม ยิ้มพรายพราย ฯ
๐ เดชะถวาย ซึ่งข้าวโพด รูปโฉมโสด หน้าสะคราญ ฯ
๐ เดขะให้ ทานดอกไม้ จึงมาได้ รัศมีขาว ฯ
๐ เดชะบุญ ชาวเจ้าแม่ ให้แป้งแผ่ ลูบไล้ทา ฯ
๐ ครั้นมาเกิด ในดุสิต ขาวพิจิตร งามสะคราญ ฯ
๐ เดชะให้ทาน ซึ่งฟูกหมอน ขาวเนื้ออ่อน ดั่งสำลี ฯ
๐ ให้ผ้าดี เนื้อละเอียด เส้นละเมียด เนื้อละไม ฯ
๐ เกิดมาใน แห่งเมืองฟ้า ได้เสื้อผ้า แลอาภรณ์ ฯ
๐ กำไลกร ใส่เข็มขัด สะอิ้งรัด สะเอวกลม ฯ
๐ มีมงกุฎ ประดับเกศ สร้อยคอเพชร รจนา ฯ
๐ ห้อมล้อมมา อยู่ฝ่ายหน้า ก่อนเจ้าฟ้า พระศรีอารย์ ฯ
๐ งามประเสริฐ โพธิสัตว์ ผู้จะตรัส เป็นพุทธองค์ ฯ
๐ อานิสงส์ ชาวเจ้าแม่ ได้สร้างแล้ แตเมืองคน ฯ
๐ ทำกุศล ล้นอเนก อดิเรก ด้วยอาหาร ฯ
๐ บอกกุศล ผลดั่งนี้ ชี้ให้พระ มาลัยฟัง ฯ
๐ ผลบุญนาง ได้สร้างแล้ว ได้วิมานแก้ว ล้วนพรรณขาว ฯ ฉัน ฯ
*ฉัน เข้าใจว่าบอกการบรรเลงเพลงปึ่พาทย์เมื่อสวดจบ
แสนโกฎิสี่อสงไขย แห่ห้อมล้อมพร้อมกันมา ฯ
๐ ฝ่ายหลังได้แสนโกฎิ ฝ่ายหลังโสดดุจเดียวนา
นางน้้นงามโสภา ทั้งไตรภพมิปูนปาน ฯ
๐ เบื้องขวาสร้อยสมโภช นางแสนโกฎิเป็นบริวาร
เบื้องซ้ายพระศรีอารย์ ได้แสนโกฎิล้วนางสวรรค์ ฯ
๐ พระศรีอารย์ไมตรี เสด็จท่ามกลางดั่งพระจันทร์
บริวารย่อมสาวสวรรค์ ประดุจดาวล้อมจันทร ฯ
๐ เบื้องหลังพระศรีอารย์ แสนโกฎิลานเทพอัปสร
รัศมีเครื่องอลังกรณ์ งามบวรรุ่งเรื่องฉาน ฯ
๐ ทั่งสี่ทิศนั้นเล่าโสด เรืองฉายโชติชัชวาล
รัศมีสร้อยอลังการ ยิ่งพระจันทร์วันเพ็ญศรี ฯ
๐ พระมาลัยเจ้าแลเห็น พระศรีอารยะไมตรี
จึงถามท้าวโกสีย์ ด้วยคำเพราะอ่อนเอาใจ ฯ
๐ ท่านน้ันพ้นประมาณ พระศรีอารย์ฤาว่าใคร
พระอินทร์จึงขานไข ว่านั่นแหละพระศรีอารย์ ฯ
๐ พระเถรเห็นเทวา มาก่อนหน้ายิ่งตระการ
ครั้นเห็นพระศรีอารย์ ยิ่งขึ้นไปได้แสนทวี ฯ
๐ ทวยเทพน้ันก็ถอยถด ลดลดลงทุกทุกที
เพราะเห็นพระไมตรี ผู้ประเสริฐเลิศภพไตร ฯ
๐ คุรุวนาดุจผู้หนึ่ง เห็นหิ่งห้อยว่าเรืองใส
คร้ันเห็นพระจันทร์ไซร้ หิ่งห้อยนั้นก็อับสูญ ฯ
๐ อันหนึ่งอุปมา เห็นเทวาว่าสมบรูณ์
คร้ันเห็นพุทธางกูร เทพหมู่น้ันก็หมองศรี ฯ
๐ พระเถรเห็นนางฟ้า มาก่อนหน้าพระไมตรี
จึงถามท้าวโกสีย์ เพื่อจะรู้จักอาการ ฯ
๐ สาวสวรรค์ล้วนนางฟ้า มาก่อนหน้าพระศรีอารย์
ทำบุญสร้างสมภาร ผลชื่อใดในเมืองคน ฯ
๐ พระอินทร์จึงเล่าขาน ถึงนงคราญสร้างกุศล
ให้รู้แจ้งแห่งเหตุผล นางทั้งหลายได้ทำมา ฯ
กาพย์เอกบท ๑๒
๐ นางอันมา ก่อนเบื้องหน้า ก่อนเจ้าฟ้า พระไมตรี ฯ
๐ มีรัศมี เป็นขาวล้วน อาภรณ์ถ้วน ล้วนพรรณขาว ฯ
๐ งามโฉมเฉิด สาวขาวสด งามหมดจด ใครจักปาน ฯ
๐ ได้ทำบุญ สิ่งใดบ้าง แต่ก่อนสร้าง กุศลใด ฯ
๐ จึงเกิดมา ในเมืองฟ้า มีพรรณนา ขาวนิรมล ฯ
๐ ทั้งลำตน สองแขนอ่อน ทรงอาภรณ์ ภักตร์พึงชม ฯ
๐ รุูปอุดม สมทุกสิ่ง เห็นงามยิ่ง เนื้อพรรณขาว ฯ
๐ น่าชื่นชม ชาวมาหน้า ก่อนผ่านฟ้า พระศรีอารย์ ฯ
๐ แก้วประพาฬ มาเทียมเทียบ เอามาเปรียบ มิเหมือนกัน ฯ
๐ รัศมีจันทร์ ได้แสนโกฎิ ดั่งนั้นโสด มิปูนปาน ฯ
๐ ได้ทำทาน ใดแต่ก่อน เนื้อขาวอ่อน ดั่งสำลี ฯ
๐ เราขอถาม ท้าวตรีเนตร จงแจ้งเหตุ แห่งสมภาร ฯ
๐ เมื่อสมเด็จ ท้าวตรีเนตร จะบอกเหตุ แห่งนงคราญ ฯ
๐ สำแดงการ แลบอกเล่า แก่พระเจ้า ชื่อมาลัย ฯ
๐ จึงบอกไป มิทันนาน ซึ่งผลทาน แห่งนางฟ้า ฯ
๐ ไหว้วันทา ขึ้นเหนือเกศ สำแดงเหตุ แห่งกุศล ฯ
๐ นางทั้งหลาย เมื่อก่อนเกิด เอากำเนิด ในเมืองคน ฯ
๐ ทำกุศล จำศีลสร้าง ให้ทานบ้าง ภาวนา ฯ
๐ น้ำมันหอม อันอาบอบ หมอตระหลบ ทั้วทิศา ฯ
๐ ให้อาหาร อันเอมโอช มธุรส อันเจือจาน ฯ
๐ เครื่องตระการ งามทุกสิ่ง เห็นงามยิ่ง ขาวทุกพรรณ ฯ
๐ ให้อาหาร อันขาวสด ทั้งข้าวโพด ขาวครามครัน ฯ
๐ ให้ผ้าดี มีพรรณเลิศ ขาวประเสริฐ ดั่งสีสังข์ ฯ
๐ ให้ทั้งดวง พวงดอกไม้ เครื่องลูบไล้ ย่อมล้วนขาว ฯ
๐ สารพัดขาว แลขาวอ่อน ให้ฟูกหมอน ขาวสดใส ฯ
๐ ทั้งน้ำใจ ก็พรายแพรว ขาวดั่งแก้ว แก้วประพาฬ ฯ
๐ ศรัทธาทาน ใจระรื่น หน้าแช่มชื่น ชมยินดี ฯ
๐ แก่พระศรี สัพพัญญู สมเด็จผู้ หน่อพุทธองค์ ฯ
๐ ผู้ทรงธรรม อันยิ่งยวด ผู้ทรงผนวช บวชเป็นสงฆ์ ฯ
๐ต้ังใจปลง จะขอพบ ขอประสบ พระศรีอารย์ ฯ
๐ จำเริญทาน จำศีลเรียน ศรัทธาเพียร ดั้งภาวนา ฯ
๐ สิ้นชาติมา อยู่เมืองฟ้า อยู่เบื้องหน้า พระศรีอารย์ ฯ
๐ รูปนงคราญ หน้าแน่งน้อย ขาวแช่มช้อย หน้านวลศรี ฯ
๐ มีรัศมี ขาวขาวสด งามหมดจด ทั้วสารพางค์ ฯ
๐ หน้าสำอาง ขาวขาวแจ่ม เจรจาแย้ม ยิ้มพรายพราย ฯ
๐ เดชะถวาย ซึ่งข้าวโพด รูปโฉมโสด หน้าสะคราญ ฯ
๐ เดขะให้ ทานดอกไม้ จึงมาได้ รัศมีขาว ฯ
๐ เดชะบุญ ชาวเจ้าแม่ ให้แป้งแผ่ ลูบไล้ทา ฯ
๐ ครั้นมาเกิด ในดุสิต ขาวพิจิตร งามสะคราญ ฯ
๐ เดชะให้ทาน ซึ่งฟูกหมอน ขาวเนื้ออ่อน ดั่งสำลี ฯ
๐ ให้ผ้าดี เนื้อละเอียด เส้นละเมียด เนื้อละไม ฯ
๐ เกิดมาใน แห่งเมืองฟ้า ได้เสื้อผ้า แลอาภรณ์ ฯ
๐ กำไลกร ใส่เข็มขัด สะอิ้งรัด สะเอวกลม ฯ
๐ มีมงกุฎ ประดับเกศ สร้อยคอเพชร รจนา ฯ
๐ ห้อมล้อมมา อยู่ฝ่ายหน้า ก่อนเจ้าฟ้า พระศรีอารย์ ฯ
๐ งามประเสริฐ โพธิสัตว์ ผู้จะตรัส เป็นพุทธองค์ ฯ
๐ อานิสงส์ ชาวเจ้าแม่ ได้สร้างแล้ แตเมืองคน ฯ
๐ ทำกุศล ล้นอเนก อดิเรก ด้วยอาหาร ฯ
๐ บอกกุศล ผลดั่งนี้ ชี้ให้พระ มาลัยฟัง ฯ
๐ ผลบุญนาง ได้สร้างแล้ว ได้วิมานแก้ว ล้วนพรรณขาว ฯ ฉัน ฯ
*ฉัน เข้าใจว่าบอกการบรรเลงเพลงปึ่พาทย์เมื่อสวดจบ