เริ่มต้น
เรื่องหนังสือที่จะพิมพ์แจกในงานพระราชทานเพลิงศพ พระครูศีลาภิวุฒิ (จันทร์ กิตติสิริ) โดยที่ท่านพระคูรศีลาภิวุฒิ เป็นพระเก่าแก่ในวัดเครือวัลย์วิหาร จึงนึกถึงชื่อ พระมาลัยคำสวด* ซึ่งเป็นภาษาขอมเขียนลงในสมุดข่อย เด็กวัดรุ่นเก่าๆเมื่ออ่านหนังสือไทยออกดีที่เรียกว่า "อ่านนหนังสือแตกแล้ว" ก็มักจะได้อ่าน "พระมาลัย" ซึ่งเป็นตัวขอม นับว่าเป็นผู้มีความรู้สูงสุดในการศึกษาสมัยนั้น ประกอบกับพระมาลัยว่าด้วยเรื่องใหญ่ๆเป็น ๒ ภาคคือ ภาคนรก กล่าวถึงผู้ทำบาปจะต้องได้รับโทษทนทุกข์อย่างนั้นๆ ยืดยาว และกล่าวถึงภาคสวรรค์ว่า ผู้ที่ทำบุญกุศลแล้ว ได้รับผลของกุศลเช่นนั้นๆ มีตัวอย่างมามากมายหลายประการ ประกอบกับคนในสมัยทุกวันนี้ ไม่เกรงกลัวบาปจึงกล้าทำชั่ว ทำให้เกิดความเดือดร้อนขึ้นในที่ทั่วๆไป หากได้อ่านหนังสือประเภทนี้เสียบ้าง จะได้งดเว้นการทำความชั่วใหเบาบางลง จะเป็นทางหนึ่งให้เกิดสุขกับสังคมปัจจุบันลงได้บ้าง
เผอิญในพรรษาที่แล้วมา นายสุเมธ(บุญช่วย สถาวรสมิต) ได้เคยเป็นศิษย์สมัยอยู่วัดราชาธิวาส นำบุตรมาบวชเณรและตนเองมาพักอยู่ด้วย ได้คัดลอกพระมาลัยลงไว้ในสมุดและคัดลอกเป็นตัวพิมพ์ดีดไว้ จึงได้นำต้นฉบับที่เป็นภาษาขอมมาสอบทาน จึงได้พิมพ์พระมาลัยสมความตั้งใจ
พระราชธรรมโสภณ
วัดเครือวัลย์วรวิหาร
๑๙ เมษายน ๒๕๑๔
----------------------------------------------------------------------------
*กาพย์พระมาลัย โบราณเรียกพระมาลัยคำสวด หรือพระมาลัยกลอนสวด เพราะท่านอ่านเป็นทำนองแหล่ แม้คำกลอนต่างๆ ท่านก็เรียกว่า เพลง เป็น เพลงสังวาส เพลงยาวนิราศ เพลงยาวเสภา เพราะท่านอ่านเป็นทำนองเสนาะทั้งสิ้น กาพย์ห่อโคลงท่านก็อ่านทำนองเสนาะ เรียกว่า เพลงเห่เรือ ดอกสร้อยสักวา ก็มีคนร้องทำนองเพลง มีปี่พาทย์รับ เมื่อคราวสวดพระมาลัย ก็มีปี่พาทย์รับเป็นตอนๆไป
*พระมาลัยกลอนสวดฉบับนี้ พระราขธรรมโสภณได้ตรวจสอบกับต้นฉบับอักษรขอมมาแล้วหนหนึ่ง เป็นหลักฐานมั่นคงว่ายังรักษาต้นฉบับเดิมไว้
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น